มองย้อนปีเก่า หานโยบายใหม่ 2025-2026

101 PUB

26 December 2025

ปี 2025 คนไทยเผชิญภัยรอบด้าน ทั้งตึกถล่มจากแผ่นดินไหว น้ำท่วมใหญ่ หลุมยุบ สงครามชายแดน ฝุ่นควันยังไม่หายไป แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงอาละวาด ท่ามกลางปัญหารุมเร้า เรายังเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีใหม่ ยุบสภาก่อนกำหนด ทิ้งให้กฎหมายหลายฉบับต้องสะดุดลง ท่ามกลางวิกฤตโลกผันผวนที่อาจฟังดูน่าสิ้นหวัง ทว่าเมื่อมีการเลือกตั้งรออยู่ข้างหน้า โอกาสที่เกิดความเปลี่ยนแปลง โอกาสที่จะเริ่มนโยบายใหม่ก็ยังรออยู่ข้างหน้า

101 PUB ชวนผู้อ่านย้อนมองปีแห่งความปั่นป่วน ย้ำเตือนความจำถึงสารพัดปัญหา เศรษฐกิจ การค้า การเมือง การศึกษา สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ตลอดห้วงเวลา 12 เดือน ที่ล้วนแต่เชื่อมโยงกระทบถึงกัน กระทั่งนำพาเรามาถึงจุดนี้ ชวนวิเคราะห์นโยบายไทย หาจุดที่ต้องปรับเปลี่ยน เพิ่มเติม แก้ไข ยกเลิก เพื่อก้าวไปสู่ปีใหม่ และการเลือกตั้งที่จะมาถึงไปด้วยกัน

ปี 2025 เป็นปีที่ประชาคมอาเซียนมีอายุครบ 10 ปี ทว่าตั้งแต่ในสัปดาห์แรกของปี ก็เกิดเหตุสะเทือนขวัญที่เป็นดั่งคำประกาศว่า ‘ประชาคม’ ที่ว่านี้คือความร่วมมือกันแบบใดกันแน่

เย็นวันที่ 7 มกราคม ลิม กิมยา อดีตส.ส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา ถูกลอบสังหารด้วยอาวุธปืนอย่างอุกอาจกลางเมืองกรุงเทพ แม้ในเวลาต่อมาผู้ก่อเหตุจะถูกติดตามตัวและถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่โอกาสที่จะติดตามผู้จ้างวานมารับผิดยังดูเลือนลาง เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่สองรัฐอาเซียนร่วมมือกันกดปราบเสี้ยนหนามทางการเมืองภายในประเทศของตัวเองบนดินแดนของรัฐอื่น

เดือนธันวาคม ทางการไทยส่งตัว อี กวิญ บดั๊บ นักเคลื่อนไหวชนกลุ่มน้อยที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR กลับประเทศตามคำร้องขอของเวียดนาม แม้เคยมีประวัติถูกซ้อมทรมานมาก่อน ซึ่งถือว่าละเมิดหลักการห้ามส่งกลับไปเผชิญอันตราย (non-refoulement) อย่างชัดเจน ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์น่าละอาย ส่งท้ายปีครบรอบทศวรรษความร่วมมือที่ดูจะเป็นของพันธมิตรเผด็จการมากกว่าพันธมิตรทางเศรษฐกิจ

องค์กรด้านสิทธิมนุษชนระหว่างประเทศเชื่อว่าในเงามืดของการกดปราบข้ามชาติ มีข้อตกลงลับที่ล่วงละเมิดอธิปไตยของกันและกันอย่างชินชา การจับมือกันในหลืบมืดนี้อาจยังเป็นส่วนหนึ่งของช่องทางที่เอื้อให้กิจกรรมสีเทาสามารถปฏิบัติการข้ามเขตแดนรัฐได้อย่างง่ายดายในภูมิภาคอาเซียน

จะหยุดยั้งปัญหานี้และทำให้ไทยมีที่ยืนอย่างผ่าเผยในเวทีโลกและภูมิภาคได้อย่างไร ชวนอ่านใน การกดปราบผู้ลี้ภัยข้ามชาติ: ปัญหาและทางออกใต้เงาพันธมิตรเผด็จการอาเซียน

และชวนอ่านและรับฟังบทวิเคราะห์เกี่ยวกับที่ทางของไทยในอาเซียนในแง่มุมอื่นๆ


วันที่ 5 กุมภาพันธ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กดปุ่มตัดไฟฟ้าชายแดน 5 จุดเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพที่อยู่ในเขตดินแดนเมียนมาสามารถใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยดำเนินการหลอกลวงคนในประเทศได้

การตัดไฟเป็นหนึ่งในมาตรการ จัดการภัยความมั่นคงอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ตาม มาตรการความมั่นคงที่รุนแรงเกินไปอาจสร้างผลกระทบสร้างความเดือดร้อนผู้คนในมิติอื่นได้ เช่น การซีลชายแดนเพื่อไม่ให้คนร้ายหลบหนีและป้องกันไม่ให้มีการขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย สร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการทำมาหากินของคนพื้นที่โดยรอบ

ชวนทุกท่านมาสำรวจวิธีการจัดการภัยสแกมเมอร์ที่คำนึงถึงสมดุลในด้านอื่น ไม่สร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการค้าขายมากเกินไป เพื่อให้ประเทศไทยทั้ง ‘ปลอดภัย’ และยัง ‘รุ่งเรือง’ เติบโตต่อไปได้ใน ซีลชายแดน: หยุดวิถีชีวิต แต่มิจฯ ไปต่อ

และชวนอ่านและรับฟังบทวิเคราะห์เกี่ยวกับนโยบายต้านสแกมเมอร์ได้ใน

28 มีนาคม แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ซึ่งมีศูนย์กลางใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ ส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพ ทำให้อาคารสูงแกว่งไปมาอย่างที่ไม่ค่อยได้พบเห็นกัน หลายคนถึงกับเชื่อไปก่อนว่าเป็นอาการวิงเวียนของตนมากกว่าจะเป็นผลของแผ่นดินไหว

แรงสั่นสะเทือนดังกล่าวทำให้อาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง พังถล่มลงมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยราย และต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนต่อมาเก็บกู้ร่างภายใต้ซากอาคารมหึมา สิ่งที่พังลงมาไม่ใช่เพียงแค่อาคาร แต่ยังเป็นความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อระบบตรวจสอบความโปร่งใสของไทย

การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ปี 2025 สตง.เป็นหน่วยงานที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับ 1 ในหมวดองค์กรอิสระ ทำคะแนนได้ถึง 94.6 จากคะแนนเต็ม 100 ส่วนภาพรวมของประเทศซึ่งมีหน่วยงานเข้าร่วมการประเมิน 8,317 แห่งก็ทำคะแนนเฉลี่ยได้สูงถึง 93.8 ค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ การประเมินดังกล่าวนี้หน่วยงานรัฐต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณจำนวนไม่น้อยไปกับการปั้นแต่งตัวเลข ‘ความโปร่งใส’ ที่กลับไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นจริง ปล่อยให้การทุจริตยังคงถูกซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้โฉมหน้าของคุณธรรมที่กลับพร้อมจะถล่มลงมาสร้างความเสียหายอยู่ได้ทุกขณะ

จะทำอย่างไรให้การตรวจสอบราชการโปร่งใสและใช้ได้จริง ชวนอ่าน ITA อุตสาหกรรมผลิตคุณธรรมกลบเกลื่อนความจริง? หรือรับฟัง Policy What! EP.30: แผ่นดินไหว ความไม่โปร่งใสพังครืน!

และชวนอ่านและรับฟังบทวิเคราะห์ที่จะชวนคิดถึงการปฏิรูปราชการไทย

โลก รวมถึงไทยที่โดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้คู่ค้า (Reciprocal Tariff) ถึง 36% สูงเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน สร้างแรงกดดันต่อผู้ส่งออกไทยอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ สินค้าจีนอาจหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าเดิม และทุกวันนี้ สินค้าจีนไม่ได้เข้ามาแข่งขันกับสินค้าไทยอย่าง ‘เป็นธรรม’ จนส่งผลเสียต่อธุรกิจ เศรษฐกิจ และสังคมไทยในระยะยาว

ทั้งนโยบายกีดกันทางการค้า และการเข้ามาของสินค้าจีน ทำให้สังคมต้องกลับมาตั้งคำถามกับเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจโลก และการเรียกร้องให้เกิดกติกาการค้าระหว่างประเทศที่โปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น 101 PUB ชวนรับชมงานเสวนา ‘New Fair Game: โลกใหม่ของการแข่งขันที่เป็นธรรม’ ที่ชวนตั้งประเด็นสำคัญเกี่ยวกับแนวทางการนำเข้าสินค้า และความท้าทายที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญ

และชวนอ่านเพิ่มเติมใน

ป้ายหาเสียง รถแห่ เวทีปราศรัย ผุดขึ้นทั่วไทยตั้งแต่ต้นปี ในการเลือกตั้ง อบจ. เดือนกุมภาพันธ์ การเลือกตั้งเทศบาลเดือนพฤษภาคม และในช่วงส่งท้ายปีเพื่อเตรียมเลือกตั้ง อบต. เดือนมกราคม 2026

การเลือกตั้ง อบจ. มีผู้มาใช้สิทธิเพียง 55.7% ส่วนการเลือกตั้งเทศบาลมีผู้มาใช้สิทธิ 63.1% น้อยกว่าการเลือกตั้งระดับชาติอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่แจ้งเหตุไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งกว่าครึ่งระบุเหตุผลว่า ‘มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร’

อย่างไรก็ดี ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคเดียวของการออกไปใช้สิทธิ แต่อาจเป็นเรื่องความคุ้มค่าของการเดินทางนั้นด้วย เพราะในการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเล็กที่สุดอย่าง อบต. มักมีผู้ออกไปใช้สิทธิจำนวนมาก แทบไม่ต่างไปจากการเลือกตั้งทั่วไป แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของตน มองเห็นว่าคนที่เลือกเข้าไปจะช่วยดูแลท้องถิ่นให้ดีขึ้น ขณะที่ผู้บริหารท้องถิ่นระดับจังหวัดยังคงตกอยู่ภายใต้เงาของราชการส่วนกลางและอาจพัฒนาท้องถิ่นไม่ได้โดยอิสระนัก

ระยะทางไปเลือกตั้ง ยังผูกอยู่กับโอกาสในการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญทันท้องที่อื่นๆ ในประเทศ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของการกระจายอำนาจ จะพบว่าท้องถิ่นในจังหวัดที่ร่ำรวยมีรายได้สูงขึ้น ทิ้งห่างท้องถิ่นจังหวัดยากจนออกไปทุกที ภายใต้แนวโน้มนี้ ชีวิตของผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีแต่จะถูกบีบให้ต้องทิ้งถิ่นฐานให้ออกไปหาโอกาสในเมืองใหญ่มากขึ้น 

อุปสรรคอะไรที่ต้องทลาย เพื่อให้การกระจายอำนาจเดินหน้าต่อ หลังผ่านมาแล้ว 27 ปี ชวนอ่าน

“ฝากกระทรวงให้ช่วยเห็นใจครูการเงินและพัสดุด้วยนะคะ อย่าให้ต้องทำงานหนักและเสี่ยงชีวิตแบบนี้เลย”

จดหมายของครูอนุสรา ชวนรัมย์ ข้าราชการครูในจังหวัดบุรีรัมย์ที่ตัดสินใจจบชีวิตลงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ระบุถึงภาระงานที่นอกเหนือไปจากการสอนที่บั่นทอนสุขภาพของเธอถึงขั้น ‘เสี่ยงชีวิต’

ปัญหาภาระงานหนักไม่ใช่เรื่องใหม่ของข้าราชการครูไทย จากการสำรวจของกลุ่มครูขอสอนเมื่อปี 2019 ระบุว่า เกือบ 95% ของครูทำงานนานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน โดยครูกว่า 58% ใช้เวลาไปกับงานอื่นที่ไม่ใช่การสอนมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือเทียบได้กับเวลาทำงานเกือบหนึ่งวันต่อสัปดาห์

จากปัญหาภาระงานที่มากมายเช่นนี้ ทว่านโยบาย ‘คืนครูสู่ห้องเรียน’ ที่ผ่านมากลับมุ่งลดเป็นอย่างๆ เช่น ปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะ และใช้การรายงานข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น (ยกเว้นบางชนิด เช่น เอกสารลับ และเอกสารทางการเงิน) หรือไอเดียที่ของกระทรวงศึกษาธิการที่จะ ‘เกลี่ยครู’ จำนวนหนึ่งมาเป็นฝ่ายธุรการแทน

ชวนอ่านใน ‘เกลี่ยครูมาทำธุรการ’ แก้ปัญหาภาระครูแบบปะผุ? หรือรับชมผ่าน https://youtu.be/Swol0M6L9bM

แต่ด้วยหลายแนวทางที่เป็นอยู่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้ เพราะปัญหาภาระงานที่แท้จริงมีต้นตอมาจากโครงสร้างการบริหารแบบรวมศูนย์ของหน่วยงานส่วนกลาง ที่คิดและสั่งดำเนินโครงการต่างๆ โดยขาดการคำนึงถึงผลต่อการสอนของครู

จุดเริ่มต้นที่จะสามารถ ‘คืนครูสู่ห้องเรียน’ ได้จริง กระทรวงศึกษาธิการควรมีนโยบายที่ไปไกลกว่านั้น ทั้งการตั้งเป้าหมายลดภาระงานที่ไม่ใช่การสอนโดยรวมทั้งระบบ พร้อมทั้งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไปด้วย โดยมุ่งไปที่การคืนอิสระการจัดการสอนให้ครูได้มากที่สุด

สำรวจปัญหาการศึกษาไทยในมิติอื่นๆ ได้ใน

ปลายเดือนกรกฎาคม ความขัดแย้งบนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาปะทุขึ้นเป็นการปะทะกันด้วยอาวุธอย่างเปิดเผย มีการใช้ปืนใหญ่และเครื่องยิงจรวดยิงตอบโต้กัน มีทหารและพลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งสองฝ่ายหลายสิบคน รวมถึงอีกหลายแสนชีวิตบนสองฝั่งชายแดนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตน

ปมความขัดแย้งระหว่างสองชาติมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการปะทะด้วยกำลังทหาร ทว่าระดับของความรุนแรงไม่เคยรุนแรงและขยายขอบเขตมากเช่นนี้มาก่อน นอกจากเงื่อนไขทางการเมืองภายในของทั้งสองประเทศ สาเหตุสำคัญของความรุนแรงในครั้งนี้ยังอาจเกิดขึ้นจากการที่กัมพูชาพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้านน้อยลงอย่างมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านเงินเม็ดเงินลงทุน การนำเข้าพลังงานที่ล้วนแต่มีการกระจายความเสี่ยงไปสู่การค้าขายกับประเทศที่หลากหลายมากขึ้น ต้นทุนสงครามของกัมพูชาจึงมีราคาถูกลงกว่าในอดีตอย่างมาก

การแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดน จึงย่อมไม่อาจจัดการให้ ‘จบ’ ได้ด้วยเพียงกำลังทหารหรือแม้แต่การฑูตแบบที่แล้วๆ มา แต่อาจต้องมองหากลยุทธใหม่ในการพัฒนากลไกที่จะรับประกันสันติภาพและความปลอดภัยให้เกิดแก่ประชาชนทั้งสองฟากฝั่ง ชวนอ่าน เดิมพันครั้งใหม่ของกัมพูชาในราคาที่ต้องจ่ายน้อยลง หรือรับฟังผ่าน Policy What!

ยังมีมิติใดอีกบ้างที่ต้องนำมาคิดคำนวนบนสมการความสัมพันธ์ชายแดน

คลิปเสียงบันทึกบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย กับ ‘อังเคิล’ จากการเจรจาข้อพิพาทชายแดน กลายเป็นอาวุธทางการเมืองที่ทำให้แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งด้วยข้อหา “ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง” เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2025

สิงหาคมปีก่อนหน้า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งด้วยข้อหาทำนองเดียวกัน หลังจากเพิ่งมีมติให้ยุบพรรคก้าวไกลพร้อมตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคไปในสัปดาห์ก่อนหน้า

ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรอิสระที่ถูกก่อตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปีพ.ศ. 2540 ให้เป็นเครื่องมือถ่วงดุลตรวจสอบอำนาจและพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตย เป็นทางออกของปัญหาการใช้อำนาจเกินขอบเขตของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมช่วงสองปีมานี้ จะเห็นว่าทุกครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญออกมาใช้อำนาจ การเมืองไทยกลับยิ่งถลำเข้าสู่วิกฤตมากขึ้นทุกครั้ง ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างยากลำบาก และท้ายที่สุดรัฐบาลชั่วคราวที่มุ่งหมายให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถประคองตัวเองไปจนครบ 4 เดือนตามที่วางแผน

จะทำอย่างไรให้กลไกพิทักษ์รัฐธรรมนูญทำงานเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพประชาชนได้อย่างแท้จริง ชวนรับฟัง Policy What! EP.13: ถึงเวลาคิดใหม่ทำใหม่ ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’?

24 กันยายน 2025 ถนนสามเสนบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ทรุดตัวอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่ สร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างจนทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินสาธารณะ

ก่อนหน้านั้น ในเดือนมีนาคม 2025 ก็เพิ่งเกิดเหตุการณ์สะพานถล่มบริเวณโครงการทางด่วนพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง ช่วงเชื่อมต่อถนนพระราม 2 ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย เหตุการณ์เหล่านี้เกิดเป็นคำถามถึงคุณภาพชีวิตของคนไทย ว่าต้องแบกรับความเสี่ยงจากการก่อสร้างอยู่มากเพียงใด? มาตรฐานในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของไทยนั้นดีเพียงพอหรือไม่? ทั้งในด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงด้านการชดเชยเยียวยาผลกระทบจากการก่อสร้าง

จะทำอย่างไรเพื่อยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย ชวนอ่าน ‘ทำโครงสร้างพื้นฐาน ต้องไม่เยียวยาแค่พื้นผิว: ทำอย่างไรให้เมืองโต โดยร้านเล็กไม่ตาย’

และชวนอ่านบทวิเคราะห์ว่าด้วยการดูแลผู้คนในเมืองอย่างเป็นธรรม

เมื่อเดือนตุลาคม สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติผ่าน ‘ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด’ ในวาระที่ 3 หลังจากการนัดพิจารณารายมาตราถึง 7 ครั้ง ร่างฯ ดังกล่าวจะเป็นการเริ่มต้นติดอาวุธสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่คนไทยต้องประสบปัญหามาอย่างยาวนาน โดยมีการกำหนดสิทธิในอากาศสะอาดของประชาชน ควบคู่กับมิติสุขภาพ พร้อมยึดหลัก ‘ผู้ก่อมลพิษ​ต้องเป็นผู้จ่าย​ (Polluter Pays Principle)’ แต่หลังจากที่รัฐบาลอนุทินประกาศยุบสภา ทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวหยุดการพิจารณาชั่วคราว

ชวนสำรวจความล่าช้าของสภาไทยใน ‘กฎหมายออกกี่โมง?: ชำแหละความล่าช้าในการออกกฎหมาย และข้อเสนออัปสปีดสภาไทย’

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาฝุ่นเป็นประเด็นที่สลับซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายเรื่อง ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงไม่จบที่กฎหมายหรือนโยบายเพียงอย่างเดียว การมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพื่อให้คนไทยทั่วประเทศได้มี ‘อากาศสะอาด’ อย่างแท้จริง

ชวนสำรวจปัญหาฝุ่นเพิ่มเติมในฃ

เดือนพฤศจิกายน 2025 ภาคใต้ของประเทศไทยประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในตัวเมืองหาดใหญ่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้มีสาเหตุมาจากฝนตกหนักต่อเนื่องจนน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังตกอย่างยาวนานทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกไปได้ โดยผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าสภาวะฝนตกรุนแรงเช่นนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง หรือปัจจุบันเรียกกันว่าภาวะโลกรวน

โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นนี้ ตอกย้ำถึงความไม่พร้อมในแทบทุกด้านของรัฐไทย นับตั้งแต่มาตรการเตือนภัย การอพยพ การกู้ภัย ไปจนถึงขั้นของการเยียวยาภายหลังเหตุการณ์ จนภาคประชาสังคมต้องเข้ามามีบทบาทอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็นำมาสู่คำถามต่อการจัดสรรปันส่วนอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและจัดการภัยพิบัติที่ควรต้องถูกกระจายอำนาจและงบประมาณลงไปสู่ท้องถิ่นมากขึ้นด้วยหรือไม่ เพราะในปัจจุบัน งบประมาณด้านการบริหารจัดการน้ำมากกว่า 80% ยังคงอยู่ในมือของราชการส่วนกลาง เช่นเดียวกับการเยียวยาที่ยังไม่เพียงพอ ล่าช้า และไม่ทั่วถึง

ทำอย่างไรให้ไทย ‘พร้อม’ รับมือกับภูมิอากาศโลกแปรปรวนมากกว่าที่เป็นอยู่ ชวนอ่าน ‘ไทยต้องสูญเสียอะไรบ้าง หากการแก้ปัญหาโลกรวนยังไปไม่ถึงไหน?

และชวนอ่านบทวิเคราะห์อื่นๆ ในประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สารพัดเหตุการณ์สะเทือนสังคมตลอดปี 2025 ปฏิเสธได้ยากว่าแทบทุกเรื่องต่างเชื่อมโยงกลับมาสู่ประเด็นพื้นฐานอย่างระบบการเมืองการปกครองของไทย ไม่ว่าจะเป็นการกระจายอำนาจ การถ่วงดุลอำนาจ ประสิทธิภาพและความโปร่งใสของภาครัฐซึ่งล้วนแต่เชื่อมโยงอยู่กับกฎหมายสูงสุดของประเทศอยู่ไม่มากก็น้อย

จนถึงโค้งสุดท้ายปลายปี ปมข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจของ ส.ว. ก็เป็นสาเหตุที่นำมาสู่การยุบสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม เลื่อนให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนดเดิม แม้การมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะถูกตีกรอบเอาไว้จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่อย่างน้อยที่สุด คนไทยยังมีความหวังที่จะได้เห็นกระบวนการนี้เริ่มต้นขึ้นในปีหน้า จากการลงประชามติครั้งแรกที่จะทำพร้อมการเลือกตั้งที่จะมาถึง

ชวนอ่าน! สว. ในรัฐประชาธิปไตย มีอำนาจยับยั้งกฎหมายแค่ไหน?

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ การเมืองโลก ความเปลี่ยนแปรของภูมิอากาศ เทคโนโลยี และอื่นๆ อีกมาก เรายังไม่รู้ว่าปี 2026 มีอะไรรอเราอยู่บ้าง 101 PUB ส่งกำลังใจให้ผู้อ่านทุกท่านฟันฝ่าวันที่เหลือของปีนี้ ก้าวไปสู่ปีหน้าพร้อมๆ กับความหวังที่จะเห็นนโยบายและความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ไปด้วยกัน

เรียบเรียง/นำเสนอ

สรัช สินธุประมา

สร้างสรรค์ภาพ

สรัช สินธุประมา

บทความที่เกี่ยวข้อง

ต้นปี 2025 คุณภาพอากาศดีขึ้น แต่ไม่ใช่จังหวัดทั้งหมดที่สดชื่น

ภาคใต้ตอนล่างอากาศดีมาก ดึงค่าเฉลี่ยรวมให้ดีขึ้นไปด้วย แต่อีกหลายจังหวัดคุณภาพอากาศยังคงไม่ดีขึ้น จนถึงย่ำแย่ลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

25 December 2025

Policy What! EP.44: ทำไมเอกชนต้องช่วยปราบสแกม? ที่ผ่านมาแบงก์-ค่ายมือถือช่วยอะไรบ้าง?

ทุนเทากำลังจะยึดครองประเทศ!!!!! เป็นกระแสที่ทุกคนคงจะผ่านตาผ่านหูมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งทุนเทาที่ว่าก็อาจจะมาจากเงินที่มิจฉาชีพหลอกลวงคนไทยมานี่แหละ แล้วที่ผ่านมาบ้านเรามีมาตรการที่จะมาช่วยป้องกันไม่ให้คนไทยถูกหลอกได้อย่างไร มาชวนคุยเรื่องนี้กันในรายการ Policy What!

The Resources: รื้อระบบเยียวยาน้ำท่วม รับมือภูมิอากาศโลกผันผวน

ชวนสำรวจการจัดการของภาครัฐหลังน้ำท่วม โดยเฉพาะเงินเยียวยาที่อาจไม่ตอบโจทย์กับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง

101 Public Policy Think Tank
ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง

ศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะไทยในบริบทโลกใหม่ สร้างสรรค์ความรู้ด้านนโยบายสาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มพลังให้ประชาชนสามารถตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และสังคม

Copyright © 2025 101pub.org | All rights reserved.