ประเด็นสำคัญ
- การอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง (นบส.) มุ่งสร้างทักษะผู้นำให้ข้าราชการพร้อมเป็นผู้บริหาร แต่หลักสูตรเหล่านี้หล่อเลี้ยงระบบเส้นสายและพวกพ้อง ซึ่งเป็นปัญหาที่สังคมตระหนักดี แต่ยังไม่เคยถูกแก้ไขอย่างจริงจังโดยรัฐบาล
- หน่วยงานภาครัฐแทบทุกหน่วยแห่กันจัดหลักสูตร นบส. โดยเฉพาะหลังปี 2550 ที่ ก.พ. กำหนดให้เป็นเงื่อนไขในการขึ้นตำแหน่งบริหารของข้าราชการ ไม่เว้นแม้แต่ศาลและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
- การอบรมหลักสูตรเหล่านี้สร้างต้นทุนสาธารณะในแง่เงินภาษีประชาชนและการใช้เวลาราชการ โดยเฉพาะการดูงานต่างประเทศที่เป็นข้อครหาของสังคม จึงต้องทบทวนความคุ้มค่าและความจำเป็นของหลักสูตร นบส.
“เส้นสายสัมพันธ์ คอนเนกชั่นของพวกท่านในประเทศ ทำให้พวกท่านเป็นบุคคลพิเศษ หรืออาจจะใช้คำว่าเป็นอภิสิทธิ์ชนก็ว่าได้ เป็นเพราะ 1% หรือน้อยกว่า ของประเทศนี้ เป็นสถาบันที่มีคนอย่างมากอยากเข้ามาศึกษา ที่อยากได้รับเกียรติคัดเลือกเข้ามาอยู่ในที่นี้ คอนเนกชั่นที่ท่านได้รับจากสถาบันนี้จะสามารถให้ประโยชน์ต่ออาชีพการงานของทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคประชาสังคม หรือต่อยอดธุรกิจได้อย่างมหาศาล”
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 65[1]3 Plus News. “เศรษฐา จัดหนัก วปอ. ลั่นเป็น 1% อภิสิทธิ์ชน วอนใช้คอนเนกชันเผื่อแผ่สังคม.” Ch3Plus.com, เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568.
แม้แต่ (อดีต) นายกรัฐมนตรียังตระหนักดีว่าเน็ตเวิร์ก บารมี และสถานะทางสังคม เป็นปัญหาของหลักสูตรนักบริหารระดับสูง (นบส.) แต่ละปีหลักสูตรที่มีชื่อเสียงอย่าง หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) หรือ หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) ฯลฯ จะประกาศรายชื่อผู้เข้าอบรมที่ประกอบด้วยข้าราชการระดับสูง บิ๊กทหาร บิ๊กตำรวจ ผู้พิพากษา เจ้าสัว CEO บริษัทชั้นนำ สื่อมวลชนอาวุโส และภาคประชาสังคม
การรวมตัวของ ‘คนใหญ่คนโต’ ผู้มีอำนาจรัฐและตลาดทุน เป็นที่กังขาว่าสายสัมพันธ์เชิงอำนาจและระบบอุปถัมภ์ที่เกิดจากหลักสูตรเหล่านี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความศักดิ์สิทธิ์ของระบบนิติรัฐนิติธรรม และตลาดเสรี
ข้อถกเถียงนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้นในระดับรัฐสภาที่มีข้อเสนอให้ยกเลิกหลักสูตรประเภทนี้[2]สำนักข่าวอิศรา. “กมธ.พัฒนาการเมือง ถกข้อเสนอยกเลิกหลักสูตรดังล่ม เลขาธิการฯขรก.ศาลยุติธรรม ติดภารกิจ.” เข้าถึงเมื่อ 24 พฤษภาคม 2568. แต่การดำรงอยู่ของหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของประเทศไทย มิได้มีเพียง 4-5 หลักสูตรที่มีชื่อเสียง และมิได้มีเพียงบทบาทเป็นจุดเชื่อมต่ออำนาจรัฐ-เอกชนเท่านั้น
101 PUB ชวนสำรวจ สถานการณ์หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง (นบส.) เจาะลึกถึงเป้าหมาย จำนวนหลักสูตร การใช้เวลาราชการ และค่าใช้จ่าย โดยรวบรวมข้อมูลจากหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานภาครัฐ ประเภท กรม กระทรวง ศาล และองค์อิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อถอดรหัสประสิทธิภาพ ความจำเป็น และความคุ้มทุนของการใช้งบประมาณจากภาษีประชาชน อันเป็นฐานในการยกระดับข้อเสนอเชิงนโยบายถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของหลักสูตรนักบริหารระดับสูงต่อไป
หลักสูตร นบส. มีไว้ทำไม ?
หลักสูตรนักบริหารระดับสูง หรือ นบส. อักษรย่อที่หลายหน่วยงานใช้ เป็นการฝึกอบรมโดยหน่วยงานภาครัฐ มีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ให้ข้าราชการ เพิ่มขีดความสามารถผู้บริหาร เตรียมพร้อมขึ้นตำแหน่งบริหารซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางอาชีพข้าราชการ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งบริหาร[3]สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.). กรอบมาตรฐานหลักสูตรนักบริหารระดับสูง (ฉบับปี พ.ศ. 2567). เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. ปัจจุบันหลักสูตร นบส. มีทั้งที่จัดอบรมโดยสำนักงาน ก.พ. (หลักสูตรหลักตามมาตรฐานตำแหน่ง) และหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานราชการอื่นๆ ภายใต้กรอบมาตรฐานของสำนักงาน ก.พ. ดังนั้น หลักสูตร นบส. ที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงแรกจึงเป็นหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการพัฒนาบุคลากรในสังกัด เช่น วปอ. ของกระทรวงกลาโหม หลักสูตรของสำนักงาน ก.พ. หรือ หลักสูตร นปส. ของกระทรวงมหาดไทย แต่ที่น่าสังเกตคือปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐเกือบทุกประเภททั้งกระทรวง องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และศาลต่างมีหลักสูตร นบส. เป็นของตัวเอง

โครงสร้างหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยหน่วยงานต่างๆ มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์หลักร่วมกัน 3 ประการ ประการแรก สร้างองค์ความรู้เฉพาะทางตามพันธกิจของหน่วยงานผู้จัด ประการที่ 2 สร้างทักษะความเป็นผู้นำ ผู้บริหาร ให้มีความพร้อมทำงานบริหารองค์กรและบุคคล และประการที่ 3 สร้างเครือข่ายผู้บริหารจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมให้มีพื้นที่และช่องทางปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และบูรณาการการทำงานแบบข้ามภาคส่วน
หลักสูตร | หน่วยงานจัดอบรม | ตัวอย่างวัตถุประสงค์หลักสูตร |
หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) | วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร | – การป้องกันราชอาณาจักร การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ |
หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) | สถาบันดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย | – พัฒนานักปกครองระดับสูงให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการ เป็นผู้นำมีวิสัยทัศน์ สมรรถนะและขีดความสามารถในการบริหาร เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง |
หลักสูตรนักบริหารการงบประมาณระดับสูง (นงส.) | สำนักงบประมาณ | – การบริหารจัดการงบประมาณของผู้บริหาร – ความร่วมมือในการบริหารงานและการบริหารจัดการงบประมาณในกลุ่มนักบริหารระดับสูง |
หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน (วพน.) | สถาบันวิทยาการพลังงาน ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน). | – ความสำคัญของพลังงานต่อการดำเนินชีวิตและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ การจัดหาพลังงาน – การวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกิจพลังงานที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม – สร้างเครือข่ายผู้นำในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม |
หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) | สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม | – ความรู้ด้านกระบวนการยุติธรรม – กระชับความร่วมมือทางการศาลยุติธรรม และความร่วมมือทางวิชาการ |
หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) | สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง | – การเมืองและการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย การเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนและพรรคการเมือง – การดำเนินกิจการของพรรคการเมืองที่ถูกต้อง – พัฒนาศักยภาพและวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง |
หลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) | วิทยาลัยศาลรัฐธรรมนูญ | – หลักนิติธรรม ประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพและสิทธิมนุษยชน – หลักการพิจารณาและวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ – สร้างเครือข่ายของศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในระดับผู้นำองค์กร |
หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) | สถาบันพระปกเกล้า | – ความรู้การปกครองไทยและผลกระทบของกระบวนการเปลี่ยนแปลงเสริมสร้างค่านิยมประชาธิปไตย ทักษะการวิเคราะห์และพฤติกรรมประชาธิปไตย – เสริมสร้างบทบาทและเครือข่ายในการสร้างสรรค์และเผยแพร่ประชาธิปไตย |
หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) | สถาบันวิทยาการตลาดทุน | – สร้างผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถทางธุรกิจตลาดทุน |
ที่มา: รวบรวมโดย 101 PUB
ปี 2550 สำนักงาน ก.พ. กำหนดมาตรฐานหลักสูตรอบรมเป็นมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ดังนั้น ข้าราชการจะขึ้นตำแหน่งบริหารไม่ว่าจะเป็นระดับต้น (ผู้ช่วยปลัดกระทรวง รองอธิบดีกรม รองเลขาธิการสำนักงาน รองผู้ว่าราชการจังหวัด) หรือระดับสูง (ปลัดกระทรวง อธิบดีกรม ผู้ว่าราชการจังหวัด เลขาธิการ) ก็ต้องผ่านการอบรม นบส. เช่น ประกาศรับสมัครข้าราชการตำแหน่งนักบริหาร ระดับต้น ระบุคุณสมบัติชัดเจนว่าต้อง “ผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของสำนักงาน ก.พ. (นบส. 1) หรือผ่านการอบรมหลักสูตรใดๆ ที่ ก.พ. พิจารณาให้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเสมือนได้ผ่านการอบรม นบส. 1” และ “สำหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยหน่วยงานราชการอื่นๆ ที่สำนักงาน ก.พ. รับรอง”
ข้าราชการที่จะขึ้นตำแหน่งบริหารมี 2 ทางเลือก ดังนี้
ทางเลือกที่ 1 ผ่านการอบรมหลักสูตร นบส. 1 ของสำนักงาน ก.พ. หรือ หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) ของกระทรวงมหาดไทย (รับรองถึงรุ่นที่ 82)
ทางเลือกที่ 2 ผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยส่วนราชการอื่น ๆ ที่สำนักงาน ก.พ. ประกาศรับรอง แต่ ต้องผ่านการอบรม โครงการเสริมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง (ส.นบส.) ของสำนักงาน ก.พ. ประกอบด้วย จึงจะเทียบเท่าเสมือนผ่านการอบรม นบส. 1 โดยปัจจุบัน สำนักงาน ก.พ. รับรองหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานอื่นต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จำนวน 7 หลักสูตร และมีหลักสูตรที่ สำนักงาน ก.พ. รับรองเฉพาะบางรุ่น (ไม่รับรองต่อเนื่องถึงปัจจุบัน) อีก 8 หลักสูตร ปรากฏตามรายชื่อหลักสูตรฯ ที่ ก.พ. รับรอง
หลังจากสำนักงาน ก.พ. มีมาตรฐานหลักสูตรอบรมเป็นมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารในปี 2550 หน่วยงานราชการต่างๆ จึงจัดตั้งหลักสูตร นบส. ของตนเอง เพื่อพัฒนาข้าราชการในสังกัด หากหลักสูตร นบส. ของหน่วยงานใดผ่านการรับรองตามกรอบมาตรฐาน ก.พ.[4]สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.). กรอบมาตรฐานหลักสูตรนักบริหารระดับสูง (ฉบับปี พ.ศ. 2567). เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. สามารถเสริมโอกาสและความก้าวหน้าของข้าราชการในหน่วยงาน นำประสบการณ์อบรมไปประกอบการขึ้นตำแหน่งระดับสูงได้
เครือข่ายรุ่น: เครื่องบ่งชี้สถานะทางสังคม
วัตถุประสงค์หลักของการอบรมหลักสูตร นบส. คือการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำของข้าราชการระดับบริหาร แต่กลับขาดการประเมินผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับทักษะการทำงานของผู้บริหาร หรือผลต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐโดยรวม มีเพียงการวัดผลการเข้าเรียน การส่งรายงานศึกษาส่วนบุคคล และรายงานกลุ่ม แต่ไม่ปรากฏการวัดประสิทธิภาพต่อสังคมที่ชี้ให้เห็นว่าจำเป็นต้องมีหลักสูตรต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป
แต่วัตถุประสงค์ที่ดูจะได้ผลลัพธ์เป็นอย่างดีคือการสร้าง “เครือข่ายเชิงสร้างสรรค์” เพราะ นบส. ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายสามารถประสานงานกันได้อย่างราบรื่น สืบเนื่องมาจากโครงสร้างสังคมไทยที่ต้องพึ่งพาความสัมพันธ์ ดังที่ นวลน้อย ตรีรัตน์ และภาคภูมิ วาณิชกะ ตั้งข้อสังเกตว่า “สังคมไทยมีความไม่เป็นทางการสูงมาก” กระบวนการตัดสินใจต่างๆ มักผ่านการเจรจาแบบไม่เป็นทางการ หรือ “ความเป็นพวกพ้องซึ่งเป็นลักษณะของระบบเศรษฐกิจและการเมืองไทย” และเป็นเงื่อนไขความสำเร็จ โดยหลักสูตรเหล่านี้มีลักษณะเป็น Fast Track เลียนแบบกิจกรรมทางสังคมที่ใช้เวลาไม่นานในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และพัฒนาไปสู่ระบบพวกพ้องและสายสัมพันธ์ที่เป็นคุณต่อการแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้องในอนาคต[5]นวลน้อย ตรีรัตน์ และ ภาคภูมิ วาณิชกะ. “เครือข่ายผู้บริหารระดับสูงผ่านเครือข่ายทางการศึกษาพิเศษ.” ใน สู่สังคมไทยเสมอหน้า, บรรณาธิการโดย … Continue reading
เครือข่ายความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่เกิดขึ้นในหลักสูตรจากการรวมตัวกันของ ‘คนใหญ่คนโต’ ทุกแวดวงทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง ศาล อัยการ CEO เจ้าสัว ฯลฯ หลายหลักสูตรมีกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ เช่น กิจกรรมปฐมนิเทศ หรือกิจกรรมละลายพฤติกรรม ซึ่งอยู่บนต้นทุนงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชน ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันบุคคลระดับสูงบางรายไม่ได้มีเจตนาร่วมอบรมในหลักสูตร นบส. เพื่อเพิ่มองค์ความรู้และประสิทธิภาพการทำงาน หรือเพื่อให้มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขมาตรฐานการขึ้นตำแหน่งบริหารเท่านั้น แต่การเข้าร่วมอบรมเป็นโอกาสสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อการทำงานราชการ ประดับบารมี ต่อยอดธุรกิจส่วนตัว หรือชีวิตหลังเกษียณอายุราชการ
ตัวอย่างปัญหาจากความสัมพันธ์เชิงอำนาจ เช่น ความเหมาะสมของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมที่จะเข้าร่วมในหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมด้วย สมมติว่าผู้พิพากษา ตำรวจ อัยการ นักการเมือง ทนายความ และ CEO ของบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นนักเรียนร่วมรุ่นในหลักสูตรเดียวกัน หากวันใดโคจรมาพบกันในกระบวนการพิจารณาคดี ประชาชนจะเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมและความโปร่งใสได้อย่างไร หรือในกรณีอื่นๆ ซึ่งข้าราชการมีอำนาจให้คุณให้โทษกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นหลักสูตรได้
ดังปรากฏกรณีผู้พิพากษา 2 รายทำบันทึกข้อความถึงประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการบริหารศาลยุติธรรม และประธานกรรมการตุลาการ เพื่อขอให้ยกเลิกการอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และไม่ให้ส่งผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตร วปอ. ปปร. และ วตท. หรือหลักสูตรอื่นในลักษณะเดียวกัน เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน และอาจนำไปสู่การผิดวินัยของผู้พิพากษา ส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ และการเลือกปฏิบัติในสังคม รวมทั้งเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า นำมาซึ่งความเชื่อถือต่อศาลยุติธรรมที่ลดลง”[6]สำนักข่าวอิศรา. “ขอ ปธ.ศาลฏีกา เลิกจัดอบรม บ.ย.ส.-ห้าม ‘พ.’ร่วมหลักสูตรดัง ชี้ไม่เกิดปย.เสริมระบบอุปถัมภ์.” เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568.
ไม่ใช่แค่คนเลือกหลักสูตร แต่หลักสูตรก็เลือกคน
หลักสูตร นบส. มีรูปแบบการรับบุคคลเข้าอบรมตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแต่ละหน่วยงาน เช่น บางหลักสูตรเน้นพัฒนาความเป็นผู้นำและกระชับเครือข่ายเฉพาะในหมู่ข้าราชการ แต่บางหลักสูตรเน้นการขยายเครือข่ายเป็นวงกว้าง ดังนั้น นบส. จึงรับผู้เข้าอบรม 2 ประเภท คือ รับเฉพาะข้าราชการ และ รับทั้งข้าราชการ เอกชน สื่อมวลชน และประชาสังคม โดยมีทั้งที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจยื่นใบสมัครด้วยตนเอง และแบบที่ให้แต่ละหน่วยงานเสนอรายชื่อให้ผู้จัดหลักสูตรคัดเลือก (ให้โควตาที่นั่งเรียน) นอกจากนี้ หน่วยงานผู้จัดอบรมสามารถเลือกเชิญบุคคลใดก็ได้ให้เข้ารับการอบรมในหลักสูตร โดยทั่วไปแล้วแต่ละหลักสูตรกำหนดเกณฑ์คุณสมบัติของผู้เข้าอบรม ดังนี้
ประเภทผู้สมัคร | ระดับตำแหน่ง |
ข้าราชการพลเรือน | ตำแหน่งอำนวยการ/ระดับ 9 ขึ้นไป |
ข้าราชการตำรวจ | พ.ต.อ. (พิเศษ) ขึ้นไป |
ข้าราชการทหาร | พ.อ. (พิเศษ) ขึ้นไป |
ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม | ชั้น 3 ขึ้นไป |
ข้าราชการตุลาการศาลปกครอง | ชั้น 2 ขึ้นไป |
ข้าราชการอัยการ | ชั้น 4 ขึ้นไป/รองอธิบดี |
ข้าราชการการเมือง | ที่ปรึกษา/เลขาธิการนายกรัฐมนตรี/รองนายกรัฐมนตรี |
พนักงานรัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน | ระดับกรรมการ |
สมาชิกรัฐสภา | สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร/วุฒิสมาชิก |
บุคลากรจากภาคเอกชน | ระดับกรรมการบริหาร/กรรมการผู้จัดการ |
ภาคเอกชน | ระดับกรรมการบริหาร/กรรมการผู้จัดการ/เจ้าของกิจการ |
ภาคประชาสังคม | ผู้บริหารระดับสูงองค์การพัฒนาเอกชน |
ทนายความ | อายุงาน 20 ปีขึ้นไป |
สื่อมวลชน | อายุงาน 20 ปีขึ้นไป |
ที่มา: รวบรวมโดย 101 PUB
การคัดเลือกผู้แทนจากเอกชนและประชาสังคมมาอบรม นบส. จากเจตนารมย์แรกเริ่มเป็นการสร้างเครือข่ายการทำงานให้กับข้าราชการระดับสูงของแต่ละหน่วยงาน ตัวอย่างเช่น กระทรวงพาณิชย์ จะพัฒนาข้าราชการระดับสูงให้มีทักษะผู้นำด้านนโยบายการค้า ด้วยเนื้องานแล้วข้าราชการไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายการค้าโดยลำพังได้ แต่ต้องทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบตลาด ดังนั้น การเชิญภาคเอกชนมารับการอบรมร่วมกันสามารถสร้างพื้นฐานความรู้และความเข้าใจที่ตรงกัน เช่น เรื่องสินค้าควบคุม หลักการเจรจาการค้า สิทธิประโยชน์ทางการค้า หรือ FTA ฯลฯ เครือข่ายเชิงสร้างสรรค์เหล่านี้เป็นกลไกเปิดพื้นที่ให้ภาครัฐและภาคเอกชนสามารถประสานงานกันได้อย่างราบรื่น แต่บางหลักสูตรไม่ได้มีความจำเป็นเช่นนั้น แต่เป็นหลักสูตรที่สามารถสร้างเครือข่ายในการแสวงหาประโยชน์ให้กับผู้เรียนได้
“การมาเข้ารับการศึกษาของทุกท่านนั้น เป็นความสมัครใจของทุกคนที่เข้ามา เพราะทุกคนก็วิ่งเต้นกันทั้งนั้น นอกจากผู้ที่หน่วยงานส่งมา นอกนั้นก็วิ่งเต้นด้วยกันทั้งนั้น”
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 61[7]WassanaNanuam. “บิ๊กป้อม แฉ วปอ. วิ่งเต้นมาเรียนทั้งนั้น เตือนไปดูงาน ไม่ใช่ไปเที่ยว ขอเข้าห้องเรียน.“ YouTube video. เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568.
โดยสรุปหลักสูตร นบส. จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับเส้นทางอาชีพข้าราชการให้มีคุณสมบัติพร้อมขึ้นตำแหน่งบริหาร แต่ผลพลอยได้คือเครือข่ายที่เกิดขึ้นจากการอบรม นบส. ซึ่งมีประโยชน์ต่อการทำงานจริงสำหรับบางหน่วยงาน แต่สำหรับบางหลักสูตรเครือข่ายกลับกลายเป็นค่านิยม เครื่องบ่งชี้สถานะทางสังคม และช่องทางการแสวงหาประโยชน์ของผู้เรียน สิ่งที่ตามมาคือแต่ละหน่วยงานต่างสร้างเครือข่ายของตนเอง
หน่วยงานรัฐแห่เปิดหลักสูตร หลัง ก.พ. ตั้งเงื่อนไขขึ้นตำแหน่งบริหาร
หลักสูตรนักบริหารระดับสูงในช่วงแรกเป็นเพียงโครงการตามพันธกิจของหน่วยงานรัฐ ในการฝึกอบรมข้าราชการระดับสูง และเชิญข้าราชการนอกหน่วยงานมาร่วมอบรมเพื่อขยายฐานองค์ความรู้ในการปฏิบัติงาน แต่หลังปี 2550 ซึ่งสำนักงาน ก.พ. กำหนดมาตรฐานหลักสูตรอบรมเป็นมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร พบว่าระหว่างปี 2551-2568 มีหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานรัฐเพิ่มจำนวนขึ้นไม่น้อยกว่า 29 หลักสูตร อย่างไรก็ตาม บางหลักสูตรจัดอบรมเพียง 1-3 รุ่น หรือถูกยุบรวมกับหลักสูตรอื่น แนวโน้มที่สูงขึ้นของจำนวนหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงนัยต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้าเรียน การใช้เวลาราชการ การเพิ่มขึ้นของกลุ่มเครือข่ายความสัมพันธ์ชั้นสูงของรัฐ-เอกชน และการเพิ่มขึ้นของการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินสำหรับข้าราชการและผู้บริหารเอกชน
ปีก่อตั้ง | หลักสูตร | หน่วยงานจัดอบรม |
2498 | หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) | วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร |
2516 | หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) | กระทรวงมหาดไทย |
2530 | หลักสูตรนักบริหารระดับสูง : ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และคุณธรรม (นบส.1) | สำนักงาน ก.พ. |
2532 | หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) | วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร |
2539 | หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) | สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม |
2546 | หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) | วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร |
2548 | หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) | สถาบันวิทยาการตลาดทุน |
2550 | หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCoT) | กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงมหาดไทย, หอการค้าไทย และ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย |
2552 | หลักสูตรนักบริหารการทูต (นบท.) | กระทรวงการต่างประเทศ |
โครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง : ผู้บริหารส่วนราชการ (นบส. 2) | สำนักงาน ก.พ. | |
หลักสูตรฝึกอบรมนักบริหารระดับสูง (นบส.กษ.) | กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | |
หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) | สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) | |
2553 | หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) | สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) |
หลักสูตรผู้บริหารงานยุติธรรมระดับสูง (ยธส.) | สถาบันพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม | |
2555 | หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน (วพน.) | กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน). |
2556 | หลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) | ศาลรัฐธรรมนูญ |
หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปธส.) | กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | |
2557 | หลักสูตรการบริหารงานอุดมศึกษาสายสนับสนุนระดับสูง (นบสส.) | กระทรวงการอุดมศึกษาฯ |
หลักสูตรนักบริหารการเงินการคลังภาครัฐระดับสูง (บงส.) | กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง | |
2560 | หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง (TME) | การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย |
2561 | หลักสูตรผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital CEO) | สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล |
2562 | หลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (GCIO) | สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) |
หลักสูตรนักบริหารการงบประมาณระดับสูง (นงส.) | สำนักงบประมาณ | |
หลักสูตรนักบริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคม (นบส.คค.) | กระทรวงคมนาคม | |
หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปสม.) | สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | |
2563 | หลักสูตรนักบริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข (นบส.สธ.) | กระทรวงสาธารณสุข |
หลักสูตรนักบริหารการพาณิชย์ระดับสูง (นพส.) | กระทรวงพาณิชย์ | |
2564 | หลักสูตรนักบริหารระดับสูงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นบส.พม.) | กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ |
หลักสูตรนักบริหารการอุตสาหกรรมระดับสูง (นอส.) | กระทรวงอุตสาหกรรม | |
หลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) | กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | |
โครงการฝึกอบรมเสริมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง (ส.นบส.) | สำนักงาน ก.พ. | |
2565 | หลักสูตรนักบริหารระดับสูงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นบส.ทส.) | กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม |
หลักสูตรนักบริหารระดับสูงในกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง (บสป.) | มูลนิธิวิจัยและพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางปกครอง ร่วมกับสำนักงานศาลปกครอง | |
2566 | หลักสูตรนักบริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน (นบส.รง.) | กระทรวงแรงงาน |
หลักสูตรนักบริหารด้านสิทธิมนุษยชนระดับสูง (บสส.) | กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม | |
2567 | หลักสูตรการบริหาร การกำกับดูแลและพัฒนากฎหมายกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ระดับสูง (ปกส.) | สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) |
2568 | หลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อการบูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (นบ.บส.) | สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) |
ไม่ปรากฏปีจัดตั้ง | – หลักสูตรพัฒนานักบริหารระดับสูง (นบส.ศธ.) – หลักสูตรพัฒนานักบริหารการศึกษาระดับสูง (นศส.ศธ.) – หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) – หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) – หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) – หลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพอากาศ (พสบ.ทอ.) – หลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองบัญชาการกองทัพไทย (พสบ.บก.ทท.) | – กระทรวงศึกษาธิการ – กระทรวงศึกษาธิการ – สถาบันพระปกเกล้า – สถาบันพระปกเกล้า – สถาบันพระปกเกล้า – กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ – สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ |
ที่มา: รวบรวมโดย 101 PUB
ปี 2568 มีหลักสูตรผู้บริหารเปิดอบรมไม่ต่ำกว่า 39 หลักสูตร
หลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่เปิดอบรมในปี 2568 พบว่า มีหลักสูตรที่จัดอบรมโดยหน่วยงานรัฐ ไม่น้อยกว่า 39 หลักสูตร
- หน่วยงานในสังกัดกระทรวง จำนวน 29 หลักสูตร (มีหลักสูตร นบส. จัดโดย 19 กระทรวง จากทั้งหมด 20 กระทรวง ยกเว้น กระทรวงวัฒนธรรม)
- ศาล จำนวน 3 หลักสูตร
- องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ จำนวน 4 หลักสูตร
- หน่วยงานประเภทอื่นๆ จำนวน 3 หลักสูตร
ทั้งนี้ บางหน่วยงานจัดอบรมมากกว่า 1 หลักสูตร ตามพันธกิจหลักของหน่วยงาน เช่น วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันพระปกเกล้า และสำนักงาน ก.พ.
หลักสูตรเหล่านี้จะมีข้าราชการระดับสูงและ CEO ภาคเอกชน ฯลฯ ร่วมการอบรมไม่น้อยกว่า 3,376 คน เฉลี่ยหลักสูตรละ 91 คน หลักสูตรที่มีผู้เรียนน้อยที่สุด 21 คน (หลักสูตรนักบริหารระดับสูงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม-นบส.ทส.) มากที่สุด 243 คน (โครงการฝึกอบรมเสริมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง-ส.นบส.)
ข้อมูลจำนวนหลักสูตรและจำนวนผู้บริหารที่เข้ารับการอบรม สะท้อนให้เห็นว่าแทบทุกกระทรวง ศาล และองค์กรอิสระฯ ต่างมีหลักสูตรและเครือข่ายของตนเอง ซึ่งไปไกลเกินกว่าเจตนารมย์ของหลักสูตร นบส. ที่เป็นเพียงเงื่อนไขให้ข้าราชการมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานการขึ้นตำแหน่งบริหารของสำนักงาน ก.พ. เท่านั้น ก่อให้เกิดคำถามว่าหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานมีความจำเป็นอันใดที่ต้องจัดตั้งหลักสูตร นบส. ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่หลัก เช่น องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐ ตรวจสอบความโปร่งใสการบริหารราชการ หรือ ศาล ซึ่งมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมโดยไม่เอนเอียงฝ่ายใด

3 ใน 4 ของหลักสูตร นบส. ไปดูงานต่างประเทศ
“ไปดูงานก็ไปดูงานจริงๆ ไม่ใช่ไปเที่ยว … คือก็ต้องมีการไปเที่ยวบ้าง แต่ต้องดูว่าเราได้ประโยชน์อะไรจากการไปดูงานแต่ละประเทศ”
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 61[8]WassanaNanuam. “บิ๊กป้อม แฉ วปอ. วิ่งเต้นมาเรียนทั้งนั้น เตือนไปดูงาน ไม่ใช่ไปเที่ยว ขอเข้าห้องเรียน.“ YouTube video. เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568.
39 หลักสูตรที่เปิดอบรมนักบริหารระดับสูงในปีนี้ มีเพียง 4 หลักสูตรเท่านั้นประกาศว่าไม่มีการดูงานต่างประเทศ ขณะที่มีไม่น้อยกว่า 29 หลักสูตรที่ประกาศกำหนดการดูงานต่างประเทศอย่างชัดเจน จากการศึกษาพบว่า ประเทศยอดนิยมของข้าราชการไทยปีนี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น (5 หลักสูตร) ยุโรป (3 หลักสูตร) จีน (3 หลักสูตร) เกาหลีใต้ (1 หลักสูตร) สิงคโปร์ (1 หลักสูตร) และอีก 16 หลักสูตรที่มีกำหนดดูงานต่างประเทศแต่ยังไม่ระบุประเทศ ขณะที่อีก 6 หลักสูตรไม่ปรากฏข้อมูล
จากการสัมภาษณ์เชิงลึกข้าราชการฝ่ายต่างประเทศของหน่วยงานหนึ่งพบว่า สาเหตุที่หลักสูตรนิยมไปศึกษาดูงานประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากการติดต่อประสานงานกับฝ่ายญี่ปุ่นมีความง่าย มีหน่วยงานที่เปิดรับการดูงานจำนวนมากทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่น และเป็นประเทศที่ตรงกับรสนิยมของผู้เรียนส่วนใหญ่ในหลักสูตร[9]สัมภาษณ์ข้าราชการ ‘นายสมศักดิ์ (นามสมมติ)’, สัมภาษณ์วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นอกจากนี้ จากข้อมูลประกาศจัดซื้อจัดจ้าง พบว่าหลายหน่วยงานนิยมใช้วิธีการจ้างเหมาบริการศึกษาดูงานต่างประเทศ โดยมีบริษัททัวร์เป็นผู้รับจ้าง
หลักสูตร นบส. มีการเก็บค่าใช้จ่ายเดินทางไปดูงานต่างประเทศ 2 รูปแบบ ดังนี้
1) หลักสูตรที่ไม่เรียกเก็บค่าเดินทางเพิ่ม (ทั้งหลักสูตรที่เรียนฟรี และหลักสูตรที่คิดค่าเดินทางรวมในค่าเรียนแล้ว
2) หลักสูตรกำหนดให้การดูงานต่างประเทศเป็นภาคสมัครใจ ผู้ใดประสงค์เดินทางต้องจ่ายเพิ่ม
การดูงานต่างประเทศเป็นประเด็นที่สังคมจับตาเป็นพิเศษ เนื่องจากหลายหลักสูตรมีกำหนดการเดินทางไปดูงานต่างประเทศไม่น้อยกว่า 3-5 วัน แม้ว่าในมิติหนึ่งการศึกษาประสบการณ์ความสำเร็จด้านการบริหารจัดการในต่างประเทศสามารถเป็นต้นแบบหรือแรงบันดาลใจกลับมาพัฒนาระบบราชการไทยไทยได้ แต่การเดินทางไปดูงานต่างประเทศด้วยงบประมาณแผ่นดินซึ่งไม่สามารถแจกแจงเวลา 24 ชั่วโมงอย่างชัดเจนได้ว่าถูกใช้ไปกับการศึกษาดูงาน การท่องเที่ยว และกิจกรรมสันทนาการว่ามีสัดส่วนเท่าใด (ในกำหนดการมักปรากฏเพียงการศึกษาดูงาน สรุปผลการดูงาน และถอดบทเรียน) ก่อให้เกิดคำถามถึงความคุ้มทุนของประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ เมื่อเปรียบเทียบเงินภาษีที่ประชาชนจ่ายไป
ตัวอย่างกำหนดการศึกษาดูงานต่างประเทศ หลักสูตรฝึกอบรมนักบริหารระดับสูง (นบส.กษ.) สถาบันเกษตราธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รุ่นที่ 8 (ปีงบประมาณ 2568)

ที่มา: สถาบันเกษตราธิการ[10]สถาบันเกษตราธิการ. (ร่าง) กำหนดการฝึกอบรมตลอดหลักสูตร หลักสูตรนักบริหารการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์. สถาบันเกษตราธิการ. เข้าถึงเมื่อ 28 พฤษภาคม 2568.
ข้าราชการเข้าเรียน นบส. บนต้นทุนสาธารณะ?
เข้าเรียนฟรีด้วยภาษีประชาชน
หลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยหน่วยงานภาครัฐมีรูปแบบการเก็บค่าใช้จ่ายในการเรียน 5 แบบ ได้แก่
- เรียนฟรี หน่วยงานผู้จัดอบรมเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- เรียนฟรี แต่เก็บเฉพาะค่าเดินทางดูงานต่างประเทศ เช่น หลักสูตรนักบริหารด้านสิทธิมนุษยชนระดับสูง (บสส.) ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เก็บไม่เกิน 148,000 บาท/คน (ยุโรป)
- เก็บค่าลงทะเบียนทั้งข้าราชการและเอกชนในอัตราเดียว ประมาณ 19,000-288,000 บาท/คน (ข้อสังเกตงบหลักหมื่นไม่มีดูงานต่างประเทศ งบหลักแสนดูงานต่างประเทศ)
- เก็บค่าลงทะเบียนข้าราชการอัตราที่ต่ำกว่า เก็บเอกชนสูงกว่า เช่น หลักสูตร TEPCoT ข้าราชการ 125,000 บาท/คน เอกชน/รัฐวิสาหกิจ 250,000 บาท/คน
- เก็บค่าลงทะเบียนในอัตราหนึ่ง ถ้าไปดูงานต่างประเทศเก็บเพิ่ม เช่น หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) สถาบันพระปกเกล้า 150,000 บาท/คน ถ้าไปต่างประเทศจ่ายเพิ่มตามจริงไม่เกิน 120,000 บาท/คน
ต้นทุนสาธารณะที่ถูกใช้ไปในการอบรมหลังสูตร นบส. สรุปได้ ดังนี้
- หลักสูตรที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายจากผู้เรียนมีต้นทุนการบริหารจัดการ เฉลี่ย 22.2 ล้านบาท/รุ่น/หลักสูตร โดยมีจำนวนผู้เรียนเฉลี่ย 89 คน/รุ่น/หลักสูตร
- หลักสูตรอื่นๆ ที่เก็บค่าใช้จ่ายซึ่งข้าราชการสามารถขออนุมัติงบประมาณจากโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของหน่วยงานต้นสังกัดได้ ค่าอบรม เฉลี่ย 139,233 บาท/คน
- ในกรณีที่ต้องจ่ายเฉพาะค่าดูงานต่างประเทศ มีค่าใช้จ่าย เฉลี่ย 111,333 บาท/คน
ไม่ว่าจะหลักสูตรเรียนฟรี หรือ หลักสูตรที่ผู้เรียนเบิกงบประมาณจากต้นสังกัดได้ ล้วนมาจากงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีประชาชน สุดท้ายแล้วประเทศ สังคม และประชาชนได้ อะไรจากงบประมาณจำนวนมากขนาดนี้ นอกจากข้าราชการระดับสูงมี Profile มีประกาศนียบัตรใส่ Portfolio เพื่อขึ้นไปถึงขึ้นจุดสูงสุดในสายอาชีพ แถมมาด้วยเครือข่ายสถานะทางสังคมที่ประกอบด้วย คนระดับอธิบดี บิ๊กสีกากี/สีเขียว สส./สว. และลูกหลานเจ้าสัว
นอกจากนี้ การใช้งบประมาณพัฒนาบุคลากรระดับสูงยังก่อให้เกิดคำถามถึงความสมดุลในการจัดสรรงบประมาณพัฒนาบุคลากรและกำลังพลชั้นผู้น้อยที่อาจมีความจำเป็นต้องอบรมทักษะต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน แต่อาจถูกเบียดบังงบประมาณจากข้าราชการระดับสูง

เข้าเรียนแต่นับเป็นเวลางาน
หน่วยงานราชการมีระเบียบและขั้นตอนการขออนุมัติเข้ารับการฝึกอบรม ขออนุมัติงบประมาณ และขออนุมัติเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศได้โดยไม่ถือเป็นวันลา[11]ตัวอย่างขั้นตอนการขออนุมัติ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม. “ขั้นตอนการขออนุมัติเข้ารับการฝึกอบรม … Continue reading ระยะเวลาในการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง โดยภาพรวมจะนับจำนวนชั่วโมงอบรมระหว่าง 66-469 ชั่วโมง หรือ ใช้เวลาอบรม (รวมดูงานต่างประเทศ) ระหว่าง 4-22 สัปดาห์ เฉลี่ย 14 สัปดาห์ แต่ละหน่วยงานมีรูปแบบการจัดตารางวันอบรมที่แตกต่างกันโดยสรุป ดังนี้
- สัปดาห์ละ 5 วัน เช่น หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) กระทรวงมหาดไทย (จันทร์-ศุกร์) ต่อเนื่องรวม 11 สัปดาห์
- สัปดาห์ละ 4 วัน เช่น หลักสูตรนักบริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข (นบส.สธ.) (อังคาร-ศุกร์)
- สัปดาห์ละ 3 วัน เช่น หลักสูตรพัฒนานักบริหารระดับสูง (นบส.ศธ.) กระทรวงศึกษาธิการ (จันทร์-พุธ) ต่อเนื่อง 15 สัปดาห์
- สัปดาห์ละ 2 วัน เช่น หลักสูตรผู้บริหารงานยุติธรรมระดับสูง (ยธส.) กระทรวงยุติธรรม (พฤหัสบดี-ศุกร์) หลักสูตรผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital CEO) (ศุกร์-เสาร์)
- สัปดาห์ละ 1 วัน เช่น หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง (TME) (พุธ) หลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) กระทรวงเกษตรฯ (ศุกร์) หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน (วพน.) (พฤหัสบดี) หลักสูตรการบริหาร การกำกับดูแลและพัฒนากฎหมายกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ระดับสูง (ปกส.) กสทช. (ศุกร์)
- สัปดาห์ละ 1 วัน (เฉพาะวันเสาร์) เช่น หลักสูตรนักบริหารการงบประมาณระดับสูง (นงส.) สำนักงบประมาณ และหลักสูตรนักบริหารการเงินการคลังภาครัฐระดับสูง (บงส.) กระทรวงการคลัง
สะท้อนให้เห็นว่าหลักสูตรนักบริหารระดับสูงส่วนใหญ่จัดอมรมในวันและเวลาราชการ หมายความว่าข้าราชการระดับสูงที่ได้รับอนุมัติจากต้นสังกัดได้ใช้วันทำงานไปกับการอบรม โดยไม่ถือเป็นวันลา แม้ว่าจะเป็นช่วงเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศก็ตาม ขณะที่จากฐานข้อมูลมีเพียง 2 หลักสูตรเท่านั้นที่อบรมเฉพาะวันเสาร์ซึ่งไม่กระทบต่อวันทำงานราชการ
บางหลักสูตรใช้เวลาอบรม 5 วันต่อสัปดาห์ต่อเนื่องติดกัน 11 สัปดาห์ เช่น หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) กระทรวงมหาดไทย ณ วิทยาลัยมหาดไทย จังหวัดชลบุรี เท่ากับว่าเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ตามภาระงานประจำสูญหายไปเกือบ 3 เดือน
ยิ่งไปกว่านั้น การเรียนหลักสูตรนักบริหาร อาจ ต้องใช้เวลาราชการที่นอกเหนือจากวันเรียน เช่น การทำรายงานศึกษาส่วนบุคคล (IS) ทำรายงานกลุ่ม ในเวลาราชการ หรือการไหว้วานผู้ใต้บังคับบัญชาช่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอบรม
รากเหง้าปัญหาสังคมกับความล้มเหลวในการจัดการของรัฐไทย
แม้เจตนารมย์ของหลักสูตรนักบริหารระดับสูงในการเสริมสร้างทักษะความเป็นผู้นำและองค์ความรู้ที่ทันสมัยจะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาบุคลาการในการขับเคลื่อนส่วนราชการ ในขณะที่การสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์มีเจตนารมย์แก้ปัญหาการทำงานแบบแยกส่วน ต่างคนต่างทำ ดังนั้นการสร้างพื้นที่ให้ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในประเด็นนั้นๆ จึงจำเป็นต่อการเข้าใจบทบาทที่แตกต่างกัน เรียนรู้ที่จะสื่อสารกัน เพื่อให้การแก้ปัญหาหรือผลักดันนโยบายของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ผลกระทบเชิงลบของหลักสูตร นบส. กลายเป็นกระแสสังคมที่จับตามองมาตลอด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างไร แต่หลักสูตรของภาครัฐกลับเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผู้เข้าอบรมเต็มอัตราในทุกหลักสูตร
“คอร์สอภิสิทธิ์ชนทั้งหลาย ในส่วนตัวผมไม่เรียนหรอก … ไม่ได้หมายความว่าคอร์สเหล่านี้เป็นคอร์สที่ไม่ดี แต่ Process การคัดเลือกต้องให้ Fair ต้องให้เหมาะสม ขั้นตอนเลือกวิทยากรต้องให้เหมาะสม ไม่ใช่พวกใครก็เลือกแต่พวกนั้นมา … เราไม่ได้มาสร้างสังคมอภิสิทธิ์ชน เรามาร่วมกันสร้างสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง มีการพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่เหมาะสม ไม่ใช่มาสร้างเครือข่าย เส้นสาย เพื่อที่จะไต่เต้าในอนาคตในหน้าที่การงานที่พวกท่านทำอยู่”
นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในหลักสูตร ปปร. รุ่นที่ 28[12]แนวหน้าออนไลน์. “เศรษฐา ซัดเดือด! วปอ. ด่ากราดหลักสูตร ‘อภิสิทธิ์ชน’.” YouTube, 2 เมษายน 2568. เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568.
ความพยายามแก้ปัญหาของหลักสูตรของรัฐบาลไม่ได้มุ่งไปที่การยกเลิกหลักสูตร จำกัดจำนวนหลักสูตร หรือตัดวงจรเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ แต่แก้ปัญหาเฉพาะประเด็นที่ถูกสังคมวิจารณ์ ดังมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 ได้เห็นชอบ แนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐโดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่างๆ ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้หน่วยงานผู้จัดอบรมต้องคัดสรรบุคลากรเข้าอบรมให้เหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร หน่วยงานที่ส่งบุคลากรไปอบรมไม่ควรส่งผู้ใกล้เกษียณอายุราชการ ส่วนการดูงานต่างประเทศควรเน้นให้ผู้เข้าอบรมรายงานประโยชน์และความรู้จากการดูงานอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเหมาะสมกว่าการห้ามไม่ให้ไปดูงานต่างประเทศ นอกจากนี้ รายงานของนายวิษณุ เครืองาม ยังเสนอให้ผู้ที่ไปอบรมหลักสูตรหนึ่งแล้ว จะลาไปอบรมหลักสูตรอื่นได้ต่อเมื่อเว้นระยะเวลา 2 ปี กำหนดให้รับผู้อบรมจากภาคเอกชนได้ไม่เกิน 15% ของรุ่น ส่วนหลักสูตรที่เน้นพัฒนาภาคเอกชนก็ให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม การดูงานในประเทศควรเน้นสถานที่และกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น โครงการพระราชดำริ โครงการปิดทองหลังพระ ส่วนในกรณีจำเป็นต้องไปดูงานต่างประเทศให้พิจารณาไปประเทศ ASEAN+3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) เป็นอันดับแรก เป็นต้น[13]สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. ที่ นร 0506/ว 160: แนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐโดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่าง ๆ. 10 พฤษภาคม 2559. เข้าถึงเมื่อ 15 … Continue reading
ท้ายที่สุดความพยายามของรัฐบาลที่มีต่อการบริหารจัดการหลักสูตรนักบริหารระดับสูงจึงหนีไม่พ้น ‘การพิจารณาถึงความเหมาะสม’ ในประเด็นที่เป็นข้อครหาของสังคม
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยคณะกรรมาธิการ การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ได้พิจารณาวาระ ศึกษาข้อเสนอยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และกำหนดไม่ให้ผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (ปปร.) หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) หรือหลักสูตรอื่นในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ได้ข้อสรุปเนื่องจากมีการเลื่อนวาระการประชุมออกไป[14]สำนักข่าวอิศรา. “กมธ.พัฒนาการเมือง ถกข้อเสนอยกเลิกหลักสูตรดังล่ม เลขาธิการฯขรก.ศาลยุติธรรม ติดภารกิจ.” เข้าถึงเมื่อ 24 พฤษภาคม 2568.
นบส. แบบเน้นนำไปปฏิบัติจริง ไม่เหลื่อมล้ำ ไม่ยืดระบบอุปถัมภ์
แรงขับเคลื่อนจากฝ่ายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหลักสูตร นบส. ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดมีเพียงมติ ครม. ปี 2559 ที่เห็นชอบตามแนวทางของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเพียงข้อเสนอลักษณะการอุดรอยรั่วเฉพาะประเด็นที่เป็นข้อครหาของสังคม เช่น การดูงานต่างประเทศ คุณสมบัติผู้อบรม การใช้เวลาราชการกับการอบรม เป็นต้น แต่มิได้มีมาตรการเชิงโครงสร้าง หรือ มาตรการที่มีสภาพบังคับ เราจึงได้เห็นหลักสูตรเกิดใหม่ที่มีการดูงานต่างประเทศและการสร้างเครือข่ายเป็นองค์ประกอบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหลือไว้แต่เพียงการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและประชาชน ไม่มีหน่วยงานรับไปดำเนินการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
หากหน่วยงานรัฐมองว่าหลักสูตร นบส. ยังคงมีความสำคัญในมิติการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การสร้างพื้นที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีโอกาสเรียนรู้ร่วมกัน และมีหนทางในการดำเนินงานร่วมกันบนผลประโยชน์ของประเทศในอนาคต การยกเลิก นบส. ทุกหลักสูตรจากทุกหน่วยงานโดยทันทีจึงอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ดังนั้น ความเป็นไปได้เชิงนโยบายคือการ “ลีน” (Lean) หลักสูตร นบส. เพื่อย้อนกลับไปที่เจตนารมย์ในมิติการพัฒนาบุคลากรและขจัดวงจรเครือข่ายเชิงอำนาจ ใน 8 ประเด็นหลัก ดังนี้
- ลดจำนวนหลักสูตรของหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และไม่มีความจำเป็นต้องจัดอบรมและสร้างเครือข่าย เช่น องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และศาล
- มุ่งเน้นด้านเนื้อหาการเรียนการสอนและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการนำไปปฏิบัติ (Implementation) ในแต่ละหน่วยงาน สามารถย่นระยะเวลาเรียน และต้นทุนการจัดการได้
- หลักสูตรที่ยังจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนนโยบายควรพิจารณาคัดเลือกเฉพาะผู้มีบทบาทจริง (Key Actors) และลดจำนวนผู้เข้าเรียน
- กำหนดวันอบรมไม่ให้กระทบวันเวลาทำการของราชการ เช่น วันเสาร์-อาทิตย์
- กำหนดโควตาการขออนุมัติไปอบรมของข้าราชการอย่างรัดกุม
- ยกเลิกการดูงานต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการประชุมและสัมมนาออนไลน์ สามารถรับฟังการบรรยาย การสาธิต และการเยี่ยมชมสถานที่เสมือนจริงจากวิทยากรในต่างประเทศ และตอบโต้กันแบบ Real time ได้
- ใช้กลไกงบประมาณของรัฐสภาควบคุมการขออนุมัติงบประมาณจัดหลักสูตรที่ไม่จำเป็น หรือตัดลดงบประมาณการเดินทางดูงานต่างประเทศ ฯลฯ
- ระงับการอนุมัติโครงการจัดตั้งหลักสูตรใหม่ เพื่อปรับปรุงหรือลดปริมาณหลักสูตรที่มีในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าปลายทางของการบริหารจัดการหลักสูตร บนส. จะออกมาในรูปแบบใด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลักสูตรเหล่านี้ยังคงมีความหมายต่อผู้บริหารระดับสูงทั้งข้าราชการ เอกชน และประชาสังคมในฐานะศูนย์รวมอำนาจรัฐและอำนาจทุน เนื่องจากเครือข่ายความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ได้รับจากการอบรมยังเป็นตัวแปรสำคัญกว่าองค์ความรู้และประสบการณ์ หากภาครัฐยกเลิกหลักสูตร นบส. ลง การเกิดขึ้นของหลักสูตรที่จัดโดยภาคเอกชนอาจมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเพื่อทดแทน ดังนั้น การแก้ปัญหาผลกระทบเชิงลบของหลักสูตร นบส. ต้องอาศัยนโยบายการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มีสภาพบังคับ และคาดการณ์ไปถึงอนาคต
ในโอกาสต่อไป 101 PUB จะนำท่านสำรวจลงลึกว่าไปอีกขั้นว่า แต่ละหลักสูตรเรียนอะไร มีความคล้ายกันอย่างไร วิธีการบริหารจัดการหลักสูตร หรือกิจกรรมนอกหลักสูตร ที่จะนำไปสู่การวิเคราะห์โครงสร้างความสัมพันธ์ในระบบอุปถัมภ์ซึ่งเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกของหลักสูตรต่อไป
↑1 | 3 Plus News. “เศรษฐา จัดหนัก วปอ. ลั่นเป็น 1% อภิสิทธิ์ชน วอนใช้คอนเนกชันเผื่อแผ่สังคม.” Ch3Plus.com, เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. |
---|---|
↑2, ↑14 | สำนักข่าวอิศรา. “กมธ.พัฒนาการเมือง ถกข้อเสนอยกเลิกหลักสูตรดังล่ม เลขาธิการฯขรก.ศาลยุติธรรม ติดภารกิจ.” เข้าถึงเมื่อ 24 พฤษภาคม 2568. |
↑3, ↑4 | สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.). กรอบมาตรฐานหลักสูตรนักบริหารระดับสูง (ฉบับปี พ.ศ. 2567). เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. |
↑5 | นวลน้อย ตรีรัตน์ และ ภาคภูมิ วาณิชกะ. “เครือข่ายผู้บริหารระดับสูงผ่านเครือข่ายทางการศึกษาพิเศษ.” ใน สู่สังคมไทยเสมอหน้า, บรรณาธิการโดย ผาสุก พงษ์ไพจิตร, 109–141. กรุงเทพฯ: มติชน, 2557. |
↑6 | สำนักข่าวอิศรา. “ขอ ปธ.ศาลฏีกา เลิกจัดอบรม บ.ย.ส.-ห้าม ‘พ.’ร่วมหลักสูตรดัง ชี้ไม่เกิดปย.เสริมระบบอุปถัมภ์.” เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. |
↑7, ↑8 | WassanaNanuam. “บิ๊กป้อม แฉ วปอ. วิ่งเต้นมาเรียนทั้งนั้น เตือนไปดูงาน ไม่ใช่ไปเที่ยว ขอเข้าห้องเรียน.“ YouTube video. เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. |
↑9 | สัมภาษณ์ข้าราชการ ‘นายสมศักดิ์ (นามสมมติ)’, สัมภาษณ์วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 |
↑10 | สถาบันเกษตราธิการ. (ร่าง) กำหนดการฝึกอบรมตลอดหลักสูตร หลักสูตรนักบริหารการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์. สถาบันเกษตราธิการ. เข้าถึงเมื่อ 28 พฤษภาคม 2568. |
↑11 | ตัวอย่างขั้นตอนการขออนุมัติ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม. “ขั้นตอนการขออนุมัติเข้ารับการฝึกอบรม ศึกษาดูงานต่างประเทศภายใต้หลักสูตรการฝึกอบรม (สำหรับนักบริหาร).” เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. |
↑12 | แนวหน้าออนไลน์. “เศรษฐา ซัดเดือด! วปอ. ด่ากราดหลักสูตร ‘อภิสิทธิ์ชน’.” YouTube, 2 เมษายน 2568. เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. |
↑13 | สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. ที่ นร 0506/ว 160: แนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐโดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่าง ๆ. 10 พฤษภาคม 2559. เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. |