วันนี้ 101 Public Policy Think Tank หรือ 101 PUB อายุครบหนึ่งปีเต็มแล้วครับ
ที่ผ่านมา พวกเราตั้งใจทำศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะ เพื่อเป็นฐานในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย
พวกเราเชื่อว่าสังคมไทยดีกว่านี้ได้
เป็นธรรมกว่านี้ได้
ยั่งยืนกว่านี้ได้
เป็นประชาธิปไตยกว่านี้ได้
ไม่ใช่ด้วยความกลัวหรือความเกลียด แต่ด้วยความหวัง
ไม่ใช่ด้วยอำนาจ แต่ด้วยความรู้
ไม่ใช่ด้วยผู้มีอำนาจ แต่ด้วยประชาชนธรรมดาๆ อย่างพวกเรา
เราพยายามทำงานสร้างสรรค์และสื่อสารงานวิจัยด้านนโยบายสาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มพลังให้ประชาชนสามารถตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในเรื่องที่มีความหมายต่อชีวิตของผู้คนและสังคม
ในวาระที่ 101 PUB ครบรอบ 1 ปีเต็ม ผมขอชวนทุกท่านมาร่วมเช็กสุขภาพประเทศไทย ผ่านภาพ 12 ภาพ ซึ่งสังเคราะห์จากผลงานกว่า 50 ชิ้นตลอด 12 เดือนแรกของ 101 PUB ครับ
เช็กสุขภาพสังคมไทยผ่าน 12 ภาพ ผลงาน 101 PUB
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-11-1200x675.png)
เรื่องแรก อำนาจเหนือตลาดและทุนผูกขาดในสังคมไทย ที่ผ่านมาเรามีนักวิชาการ นักการเมือง สื่อมวลชนที่กล้าวิเคราะห์วิจารณ์เรื่องนี้น้อยเกินไป
อย่างกรณีการควบรวมของทรูและดีแทค ซึ่งทำให้ตลาดโทรคมนาคมกระจุกตัวหนักขึ้น ผู้บริโภคก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก ในกรณีที่ควบรวมแล้วยังแข่งขันกันตามปกติ ค่าบริการก็ยังแพงขึ้น 13-23% ยิ่งถ้าควบรวมแล้วฮั้วกันสำเร็จ ค่าบริการอาจพุ่งสูงขึ้น 66-120%
Digital transformation ของไทยนี่ราคาแพงและมีความเสี่ยงสูงมากนะครับ
ตลกร้ายของเรื่องนี้คือผู้กำกับดูแลอย่าง กสทช. กลับตีกรอบ-จำกัดอำนาจตัวเอง ลงมติเพียงแค่รับทราบการควบรวม ทั้งที่นักวิชาการก็ออกมาเตือนถึงผลกระทบ และชี้ว่า กสทช. มีอำนาจเต็มในการกำกับดูแล
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ไทยไม่ได้ใส่ใจแก้ปัญหาทุนนิยมพวกพ้อง ที่เคยเป็นตัวการสร้างวิกฤตเศรษฐกิจใหญ่มาแล้ว และทุกวันนี้ก็กลายเป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขาดพลัง และมีปัญหารวยกระจุกจนกระจายอย่างรุนแรง
- 5 เรื่องเล่า vs 5 เรื่องจริง ดีลควบรวมทรู+ดีแทค และบทบาทของ กสทช.
- เงื่อนไขที่ควรเรียกร้อง หาก กสทช. ‘จำต้อง’ อนุญาตดีลทรู+ดีแทค
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-12-1200x675.png)
ในวันที่ทุนใหญ่สามารถทำอะไรได้ตามใจ จนกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแรงงาน กลับไม่รู้สึกถึงชีวิตที่ดีขึ้น เพราะค่าจ้างแรงงานของไทยไล่ไม่ทันสภาพเศรษฐกิจ ค่าแรงของเราโตช้ากว่า GDP และหากนำค่าแรงมาหักเงินเฟ้อออก ค่าแรงที่แท้จริงของไทยก็แทบไม่กระดิกไปไหน
การกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำของไทย บางช่วงเราก็ขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ขึ้นแล้วก็แช่แข็งไว้ 5-6 ปี ที่สำคัญ ค่าจ้างขั้นต่ำของเราไม่ได้กำหนดตามความจำเป็นพื้นฐานในการเลี้ยงดูครอบครัว
101 PUB เคยศึกษาการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำว่าสอดคล้องกับแนวคิดค่าจ้างเพื่อชีวิต (living wage) หรือไม่ แนวคิดนี้เป็นแนวคิดสากลว่าค่าจ้างควรทำให้แรงงานเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ไม่ใช่เพียงประทังชีพคน 1 คนเหมือนในประกาศค่าจ้างขั้นต่ำไทย
เราพบว่า living wage ของไทยตอนนี้ ตกประมาณ 563 บาท/วัน เห็นตัวเลขแล้วอย่าเพิ่งตกใจกัน ไม่ต้องกลัวว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้ว ผลิตภาพแรงงานนอกภาคเกษตรของเราสูงกว่านั้น และเราก็เคยเสนอไว้แล้วว่า จะยกระดับค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบัน ให้ไปสู่เป้าหมายได้อย่างไรโดยที่ไม่ช็อกเศรษฐกิจ
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-13-1200x675.png)
ปัญหาแรงงานไม่ใช่เพียงแค่เรื่องตัวเลขค่าจ้าง แต่ยังมีประเด็นที่โอกาสทางเศรษฐกิจมีจำกัดเพียงบางพื้นที่ ทำให้คนจำนวนมากพยายามย้ายเข้าสู่เมือง
แต่เมื่อเมืองไม่ถูกจัดการให้สามารถโอบอุ้มคนจำนวนมากได้ ครัวเรือนในเมือง 3 ล้านครัวเรือนจึงลำบากในการหาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน
พม. เคยตั้งเกณฑ์ไว้เองว่า ค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยไม่ควรเกิน 15% ของรายได้ แต่ข้อมูลของ 101 PUB แสดงให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบ้านสูงเกินไปสำหรับคนเมือง 80%
นอกจากนี้ 8 ปีที่ผ่านมา ราคาบ้านในเมืองยังเติบโตต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 27-62% แต่ค่าจ้างแรงงานในเมืองกลับลดลง 6% ความฝันในการมีบ้านของคนไทย อาจอยู่ไกลเกินเอื้อมยิ่งกว่า American dream
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-14-1200x675.png)
ปัญหาความยากจนเหลื่อมล้ำนี้ ไม่เพียงส่งผลต่อคนรุ่นปัจจุบัน แต่จะถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นอนาคต และมีแนวโน้มจะยิ่งรุนแรงขึ้นถ้าเราปล่อยให้สังคมดำเนินต่อไปเช่นเดิม
101 PUB ตั้งศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว หรือชื่อเล่นว่า ‘คิด for คิดส์’ ร่วมกับ สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส.
เมื่อผมนั่งทำข้อมูลพื้นฐานสำหรับการออกแบบนโยบายเด็ก เยาวชน และครอบครัวแห่งอนาคต ก็พบว่าเด็กและเยาวชนไทย 60% อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้ไม่พอจะส่งเขาเรียนจนจบปริญญาตรี เด็กและเยาวชนไทย 70% อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยไม่ถึง 100,000 บาท/คน/ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นี่เรากำลังพูดถึงเด็กและเยาวชนราว 10 ล้านคนจาก 16 ล้านคน
โจทย์สำคัญคือจะทำอย่างไรให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้เติบโตขึ้นอย่างเต็มศักยภาพและมีคุณภาพ ตามเส้นทางที่พวกเขาได้เลือกเอง
- นโยบายเด็กและครอบครัวแห่งอนาคต: ขยายพื้นที่ปฏิรูปนโยบายสาธารณะเพื่ออนาคตของเด็กไทย
- เด็กและครอบครัวไทยในสามวิกฤต: รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2022
- สังคมแบบไหนที่คนไทยอยากมีลูก?
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-15-1200x675.png)
สิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาความยากจนเหลื่อมล้ำ คือการจัดสวัสดิการสังคม ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน ให้ทุกคนเข้าถึงบริการพื้นฐานได้อย่างเสมอหน้ากัน
ที่จริงประเทศไทยมีรัฐสวัสดิการที่ดีแล้ว แต่เป็นรัฐสวัสดิการของราชการ ไม่ใช่รัฐสวัสดิการของประชาชน เราใช้งบประมาณ 4 แสนกว่าล้านในการดูแลคนราว 5 ล้านคน ทั้งข้าราชการปัจจุบัน สมาชิกครอบครัว และข้าราชการเกษียณ แล้วเราก็ใช้เงินพอๆ กันสำหรับสวัสดิการดูแลประชาชนทั้ง 66 ล้านคนทั่วประเทศ
การช่วยเหลือของเราหลายครั้งก็ยังไม่เข้าเป้า อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่เรียกกันติดปากว่า บัตรคนจน ทั้งที่เราแจกบัตรออกไปแล้วมากกว่า 14 ล้านใบ ทั้งที่เรามีคนจน 4-5 ล้านคน แต่ถึงอย่างนั้น ข้อมูลก็ชี้ว่ามีคนจนจริงที่อยู่ใต้เส้นความยากจนกว่าครึ่งหนึ่งที่ยังเข้าไม่ถึงบัตรคนจน
เราควรต้องกลับมาทบทวนหลายมิติ สวัสดิการอะไรต้องให้ อะไรไม่จำเป็นต้องให้ โดยจะต้องคำนึงถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความครอบคลุมของสวัสดิการ ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณทั้งหมดของประเทศ เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือที่ได้น้ำได้เนื้อ และเข้าเป้าตรงจุดมากที่สุด
- รัฐสวัสดิการ: ของข้าราชการ vs ของประชาชน
- ‘บัตรคนจน’ ที่คนจนจริงครึ่งหนึ่งเช้าไม่ถึง: 5 ปี นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-16-1200x675.png)
งบประมาณด้านหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คืองบช่วยเหลือเกษตรกร เราทุ่มเงินเฉลี่ย 150,000 ล้านบาทต่อปี ในการดูแลราคาสินค้าเกษตรและช่วยต้นทุนการผลิต สร้างหนี้ภาครัฐเพิ่มขึ้นปีละ 80,000 ล้านบาท จนตอนนี้เป็นหนี้ ธกส. เกือบ 9 แสนล้านบาทแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ของเงินช่วยเหลือนี้ 60-70% เข้ากระเป๋าเกษตรกรรายใหญ่สุด 20% ขณะที่รายเล็กสุด 20% ได้ส่วนแบ่งเพียง 2-3% เท่านั้น
เงินอุดหนุนนี้ยังเป็นตัวหมุนวงจรปัญหาของเกษตรกร ให้ผลิตเหมือนเดิม ยากจนเหมือนเดิม เป็นหนี้เหมือนเดิม แล้วยังสร้างคำถามต่อความเป็นธรรมในการใช้เงิน เพราะไม่ใช่เกษตรกรทุกคนจะจน และคนจนทุกคนก็ไม่ได้เป็นเกษตรกร
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-17-1200x675.png)
สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยขาดแคลนอย่างเห็นได้ชัด คือการจ้างงานที่มีคุณค่าและความหมาย ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นในการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไทยให้แข่งขันได้มากขึ้น
ที่ผ่านมา เราใช้เงินไปกับมาตรการ BOI กว่า 200,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขซึ่ง BOI รายงานเองยังบอกว่าสร้างงานได้ไม่มากและสร้างได้น้อยลงเรื่อยๆ โดยเราต้องเสียรายได้ภาษีไป 2 ล้านบาท เพื่อสร้างงาน 1 ตำแหน่ง แถมยังเป็นงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะสูง และไม่ค่อยก่อให้เกิดนวัตกรรมภายในประเทศอีกด้วย
บางท่านอาจจะสังเกตว่า ข้อมูลในภาพเป็นของเก่าตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ก็ต้องบอกว่าผมไม่ได้ขี้เกียจหาข้อมูลใหม่ แต่ BOI เขาเลิกเปิดเผยตัวเลขพวกนี้ไปสักพักแล้ว
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-18-1200x675.png)
นอกจากมิติด้านเศรษฐกิจและการเงิน ประเทศไทยกำลังเจอโจทย์ใหม่ที่ท้าทายอย่างมาก คือปัญหาสุขภาพจิต ที่หนักหนาสาหัสมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน
101 PUB และ สสส. ได้ร่วมทำ Youth Survey 2022 สอบถามเยาวชนเกือบสองหมื่นคนทั่วประเทศ ทั้งเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การเรียนการทำงาน คุณค่าและทัศนคติทางสังคม
เราพบว่า เยาวชนไทย 62% มีความเครียดมากถึงมากที่สุด 51% รู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว แต่ไทยยังขาดความพร้อมในการรับมือปัญหาสุขภาพใจอยู่มาก ทั้งประเทศมีสถานพยาบาลด้านจิตเวชเพียง 452 แห่ง โดยมีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นประจำอยู่เพียง 1 ใน 3 ของจำนวนนี้ 17 จังหวัดไม่มีประจำอยู่เลย อีก 15 จังหวัด มีแค่ 1 คน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทั้งใหม่และใหญ่ ซึ่งไทยจะต้องเร่งลงทุนอย่างมากเพื่อแก้ไขสถานการณ์
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-19-1200x675.png)
ที่ผ่านมาเราเห็นแล้วว่าประเทศไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งรัฐควรเป็นผู้กำหนดวาระ ผ่านการลงทุนภาครัฐที่ฉลาดและยั่งยืน ให้ทุกภาคส่วนมุ่งสู่อนาคตอย่างมีทิศทาง
แต่การใช้งบประมาณภาครัฐยังไม่ค่อยตอบสนองต่อปัญหาร่วมสมัยเหมือนกับว่างบประมาณประเทศถูกแช่แข็งเอาไว้
อย่างเช่นงบลงทุนของประเทศไทย 430,000 ล้านบาทต่อปี ยังวนเวียนกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเดิมๆ งบลงทุนในยุทธศาสตร์สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 75% หมดไปกับการสร้างและซ่อมถนน งบลงทุนในยุทธศาสตร์พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 63% หมดไปกับการสร้างตึก จนพวกเราชอบแซวกันว่า ประเทศไทย ‘พัฒนาชาติด้วยถนน พัฒนาคนด้วยตึก’
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-20-1200x675.png)
เมื่อเรายังใช้เงินอย่างไม่มีประสิทธิภาพและไม่ตอบโจทย์ใหญ่ของสังคม ก็ทำให้ผลตอบแทนต่ำ เกิดภาระหนี้สาธารณะ ที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เป็น 10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 60% ของ GDP ส่วนหนึ่งมาจากการแก้ปัญหาโควิด
อย่างไรก็ดี ตัวเลขหนี้สาธารณะที่รายงานกันนี้ไม่ใช่ตัวเลขทั้งหมด 101 PUB ไปขุดดูหนี้ที่ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ พบว่ามีหนี้ใต้พรมที่ยังไม่ถูกนับ อย่างน้อยๆ อีก 1.2 ล้านล้านบาท และอาจกลายเป็น 2 ล้านล้านบาทในกรณีแย่ที่สุด หนี้เหล่านี้คือโซ่ตรวนฉุดรั้งขีดความสามารถของภาครัฐ ในการทำงานใหญ่ ในการพลิกโฉมประเทศไทย และจะเป็นภาระของประชาชนในท้ายที่สุด
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-21-1200x675.png)
ปัญหาการใช้งบประมาณที่ขาดประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เราไม่สามารถจัดสรรงบให้สอดคล้องกับหน้างานในแต่ละพื้นที่ เพราะการบริหารภาครัฐยังรวมศูนย์อยู่มาก
การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นจึงเป็นทางออกใหญ่ของประเทศ แต่ผ่านมา 2 ทศวรรษ ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 การกระจายอำนาจยังเกิดขึ้นแบบลูบหน้าปะจมูก และยิ่งแย่ลงภายใต้ระบอบ คสช.
ท้องถิ่นไทยยังหารายได้เองไม่ได้ ต้องพึ่งพางบจากส่วนกลางถึง 90% ของรายได้ทั้งหมด โดยเป็นเงินอุดหนุนถึงครึ่งหนึ่ง แต่เงินอุดหนุนเหล่านี้ 80% มาพร้อมกับเงื่อนไข แปลว่ามันคือนโยบายของรัฐบาลกลาง แค่ผ่านงบไปเบิกจ่ายจากบัญชีของท้องถิ่นเท่านั้นเอง
นี่ยังไม่นับว่าท้องถิ่นยังไม่มีอำนาจบริหารคน พร้อมถูกล้วงลูกและถูกตรวจสอบโดยรัฐส่วนกลางและองค์กรอิสระอีกมากมาย การกระจายอำนาจของไทยจึงเป็นเพียงภาพลวงตา การแก้ปัญหาในพื้นที่ด้วยกลไกในพื้นที่จึงไม่ค่อยเกิดขึ้นจริง
![](https://www.the101.world/wp-content/uploads/2023/03/image-22-1200x675.png)
การบริหารรัฐไทยที่ปิดมากๆ และกระจุกตัวอยู่กับผู้มีอำนาจเพียงหยิบมือ ตั้งอยู่บนฐานคิดที่ไม่ไว้วางใจประชาชน ไม่เชื่อว่าประชาชนคิดเองได้ ตัดสินใจเองได้ นำเสนอสิ่งที่ดีเองได้
อย่างในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีความกระตือรือร้นพยายามเข้าชื่อเสนอกฎหมายมากอย่างเป็นประวัติการณ์ถึง 80 ฉบับ ไม่ใช่แค่ปริมาณเท่านั้น แต่หลายฉบับยังมีคุณภาพดีด้วย เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช. ไปจนถึงการแก้รัฐธรรมนูญให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
กฎหมายประชาชนได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา 44 ฉบับ แต่ก็ต้องพบกับโลกความจริง เมื่อ 29 ฉบับต้องถูกตีตกไปด้วยสารพัดเหตุผลจากหลายฝ่าย ทั้งนายกรัฐมนตรี ประธานสภา ส.ส. และ ส.ว. อีกหลายฉบับยังค้างเติ่งจนสภาหมดอายุไปแล้ว มีเพียงกฎหมายภาคประชาชนฉบับเดียวเท่านั้นที่ถูกรับไปใช้ แต่ถึงที่สุดก็ถูกรวมเข้ากับร่างของคณะรัฐมนตรีอีกอยู่ดี
101 PUB ภายใต้โลกนโยบายสาธารณะแห่งอนาคต
เราเช็กสุขภาพประเทศไทยผ่าน 12 ภาพแล้ว คงจะเห็นว่าเรามีโรคอยู่เต็มไปหมด บางอย่างก็เหมือนโรค NCD ที่ยังไม่ร้ายแรงแต่เรื้อรัง บางอย่างก็เหมือนมะเร็งที่ต้องรีบผ่าตัดเนื้อร้ายโดยด่วน ทั้งในแง่การบริหารจัดการ แนวคิด คุณค่า ไปจนถึงการรื้อความสัมพันธ์เชิงอำนาจครั้งใหญ่
ยิ่งไทยต้องเจอบริบทโลกใหม่ที่ท้าทาย ทั้งแก่ก่อนรวย ความเหลื่อมล้ำ เทคโนโลยีพลิกผัน ภูมิรัฐศาสตร์ เรายิ่งต้องรักษาและฟื้นฟูสุขภาพของประเทศด้วยความรู้ใหม่ ที่ทุกคนมาทำงานร่วมกัน ข้ามศาสตร์ข้ามสาย สร้างการมีส่วนร่วมในวงกว้าง ไม่ใช่จำกัดไว้เป็นแค่เรื่องของนักเทคนิคเฉพาะด้าน
เราจึงต้องกลับมายกเครื่องกระบวนการนโยบายใหม่ ซึ่งเป็นภารกิจใหญ่ที่ 101 PUB พยายามไปให้ถึง
เราพยายามตั้งโจทย์ที่ ‘ใช่’ ในความหมายว่าเราหยิบยกประเด็นและแง่มุมที่สำคัญต่อชีวิตของผู้คนและสังคม มาสร้างบทสนทนาสาธารณะ ชี้ให้เห็นปัญหาและทางเลือกเชิงนโยบาย
เราพยายามออกแบบนโยบาย โดยใช้ความรู้ เครื่องมือ และข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นฐานคิด แต่ไม่ได้ทำงานอยู่บนหอคอยงาช้างหรือทำตัวเป็นพ่อแม่รู้ดี เราเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมคิด ร่วมแสดงความเห็น ร่วมระดมสมอง ร่วมวิพากษ์วิจารณ์
ในการคิดนโยบายเหล่านี้ เราก็พยายามตอบโจทย์ประสิทธิภาพ ความเป็นธรรม และความเป็นไปได้ในการทำนโยบายจริง เพราะรัฐไม่ใช่เครื่องจักร แต่เป็นการประกอบสร้างของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก
และหัวใจสำคัญประการสุดท้าย คือเราพยายามทำการประเมินผลนโยบายอย่างมีความหมาย สร้างระบบความรับผิดรับชอบของผู้มีอำนาจ ซึ่งจะทำให้เกิดพลวัตการปรับนโยบายได้อย่างทันท่วงที
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างพื้นที่แห่งการเปลี่ยนแปลง ในโลกที่เปิดกว้าง และในสังคมประชาธิปไตยที่คนมีส่วนร่วม การทำนโยบายจะต้องเป็นที่ยอมรับ ช่วยแก้ปัญหาได้จริง เห็นผลจับต้องได้ การทำนโยบายจะต้องมีความชอบธรรมทางการเมือง ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน และประชาชนมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการ การทำนโยบายจะต้องมีความสามารถทำงานได้ตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้จริง
101 PUB ตั้งเป้าเป็น Think Tank ของสาธารณะ เพื่อสาธารณะ พยายามตอบโจทย์ประเทศไทยในยุคใหม่ เราจึงทำงานหนักแน่นบน 3 ฐาน คือ ฐานวิชาการ ฐานการพัฒนา และฐานประชาธิปไตย
ฐานวิชาการ หมายถึง การทำงานบนหลักวิชาอย่างเป็นมืออาชีพ ตั้งโจทย์ที่ใช่และท้าทาย มีความเป็นอิสระ วิเคราะห์วิพากษ์อย่างตรงไปตรงมาด้วยข้อมูลใหม่ ด้วยความรู้ใหม่
ฐานการพัฒนา หมายถึง การนำเสนอวิสัยทัศน์และข้อเสนอที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระยะยาว ตั้งเป้าปฏิรูปโครงสร้างและสถาบันทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และความเป็นธรรม
ฐานประชาธิปไตย หมายถึง การยึดมั่นในคุณค่าของหลักประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม มีกระบวนการยุติธรรมที่ยุติธรรมจริงๆ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความหลากหลาย เราเชื่อว่าการพัฒนาที่อยู่บนวิถีประชาธิปไตยเท่านั้นจึงจะตอบโจทย์ผลประโยชน์ของสาธารณะ และมีความหมายต่อประชาชนทุกคนอย่างเสมอหน้ากัน
101 PUB ตั้งใจเป็นพื้นที่เชื่อมทฤษฎี เข้ากับปฏิบัติการจริง
เชื่อมอดีตและปัจจุบัน ไปสู่อนาคต
เชื่อมความจริงที่เป็นอยู่ ไปสู่ความฝันถึงสังคมที่ดีขึ้น
เราตั้งใจช่วยให้ประชาชนเห็นสภาพสังคมที่เป็นจริง แต่ก็ช่วยเสนอทางเลือกเชิงนโยบาย เพื่อนำสังคมไทยไปสู่ความฝันใหญ่ 4 ด้าน ซึ่งเป็นจุดโฟกัสในการทำวิจัยของเราด้วยเช่นกัน
- การสร้างประชาธิปไตย ทั้งในเชิงสถาบันและวัฒนธรรม เราเชื่อว่าประเทศไทยต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นสัญญาประชาคม ที่ทุกคนยอมรับ ที่ทุกคนร่วมกันสร้าง เราต้องมีรัฐธรรมนูญและวัฒนธรรมการเมืองที่ตอบโจทย์ประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่ติดหล่มอยู่กับแก้ปัญหาในอดีต กลัวผีอดีตมาหลอกหลอน และไม่ใช่การรักษาโลกเก่าที่ไม่อาจอยู่ได้อย่างยั่งยืนในบริบทโลกใหม่
- การสร้างหลักนิติธรรมในสังคมไทย ให้เป็นระบบที่ทุกคนรู้สึกว่ายุติธรรม มีความชัดเจน คงเส้นคงวา ไม่สองมาตรฐาน ไม่ปล่อยวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดให้ฝังราก สร้างระบบกฎหมายและความยุติธรรมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจ ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตตามวิถีประชาธิปไตย
- การพัฒนาที่นับรวมทุกคน เป็นการเติบโตที่มีคุณภาพ ยั่งยืน เป็นธรรม และกระจายผลได้ของการพัฒนาออกไปอย่างเท่าเทียม
- การพัฒนาเด็กและระบบนิเวศการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กไทยสามารถเติบโตขึ้นได้เต็มศักยภาพที่สุดตามเส้นทางที่แต่ละคนได้เลือกเอง เป็นสังคมที่ทุกคนสามารถเลือกอนาคตที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้
นี่คือผลงาน ตัวตน ความคิด และความฝันของพวกเรา 101 PUB
ทุกคนคงเห็นแล้วว่ามีเรื่องใหญ่ๆ ยากๆ รอท้าทายพวกเราอยู่เต็มไปหมด แน่นอนว่า 101 PUB คงไม่มีปัญญา ไม่มีความสามารถ ไม่มีทรัพยากรที่จะตอบโจทย์ทุกเรื่องได้ทั้งหมด
ผมอยากชวนทุกท่านมาร่วมเดินบนเส้นทางนี้ เพื่อทำความฝันถึงประเทศไทยแห่งอนาคตที่ดีขึ้นกว่านี้มากๆ ให้เกิดขึ้นจริง มาช่วยกันตั้งโจทย์สำคัญของประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิด ร่วมกันลงมือทำ ร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ผลงานให้ดียิ่งขึ้น เพราะประเทศไทยยังขาดองค์ความรู้ในการพาประเทศไปข้างหน้าอีกมาก
สำหรับเพื่อนๆ ในสายงานสื่อมวลชน อยากชวนให้ช่วยกันใช้ประโยชน์จากชุดข้อมูลและความรู้ที่เราผลิต ทุกท่านสามารถนำไปใช้สื่อสารกับประชาชนได้เต็มที่ จะเป็นงานสรุปย่อยให้ง่าย หรือจะเอาไปเล่าใหม่เลยให้เหมาะกับฐานแฟนของตัวเองก็ได้
เราต้องให้ความสำคัญกับการทำงานความคิดกับสังคม เพราะในโลกนโยบายใหม่ ประชาชนจะต้องเป็นองค์ประธานในสมการนโยบาย
ประเทศไทยในฝันยังอยู่อีกไกล และมีเรื่องให้ต้องทำอีกมาก อยากให้ทุกคนลุยไปด้วยกัน
101 PUB ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ เราจะทำงานเกินร้อยร่วมไปกับทุกท่าน เพื่อ shape public policy for public interests ครับ
ขอบคุณครับ
หมายเหตุ: บทอภิปรายในช่วง 101 PUB: A Year in Review ในงาน 101 PUB Policy Dialogue Thailand’s Next Chapter: ตีโจทย์นโยบายหลังเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2023