สสส. ร่วมกับ 101 เปิดตัว ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์) ด้วยการแถลงรายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2565 ชวนร่วมคิดตั้งหลักใหม่นโยบายเด็กและครอบครัวไทยรับมือความท้าทายจากสามวิกฤต – โควิด ความเหลื่อมล้ำ และสังคมการเมือง
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง (101 Public Policy Think Tank หรือ 101 PUB) จัดงานเสวนาสาธารณะ ‘เด็กและครอบครัวไทยในสามวิกฤต: รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2565‘ เพื่อเปิดตัว ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว หรือ ‘คิด for คิดส์’
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คนที่ 2 กล่าวเปิดงานเสวนาช่วงหนึ่งว่า “มนุษย์เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของชาติ แต่ว่าสังคมไทยกลับเลี้ยงเด็กไม่ค่อยเป็น ตัวอย่างรูปธรรมคือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่รุนแรงมาก หรือช่องว่างระหว่างคนต่างรุ่นที่รุนแรงมากขึ้นจนปิดโอกาสในการสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ร่วมกัน ซึ่งการจะแก้ไขปัญหานี้ได้ต้องใช้ความรู้จากงานวิจัยที่มองปัญหาไปข้างหน้า สสส. หวังว่า ‘คิด for คิดส์’ จะช่วยเข้ามาเติมช่องตรงนี้ได้”
![](https://101pub.org/wp-content/uploads/2022/09/image-7-1024x687.png)
นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวถึงที่มาว่า “วัยเด็กเป็นต้นทางชีวิตแห่งการสร้างฐานทุนสุขภาพ จึงเป็นภารกิจของ สสส. ที่จะร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการสร้างสังคมที่เด็กรุ่นใหม่มีโอกาสเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีสุขภาวะ และใช้ศักยภาพในการขับเคลื่อนสังคมได้อย่างเต็มเปี่ยม การจัดตั้ง ‘คิด for คิดส์’ เป็นหมุดหมายสำคัญในการขับเคลื่อนงานเด็ก เยาวชน และครอบครัวสู่อนาคต บนฐานของความรู้ที่มีคุณภาพ ไม่แปลกแยกจากโลกใหม่ เน้นการทำงานและสื่อสารกับสังคม เราต้อนรับคนรุ่นใหม่ทุกกลุ่มและภาคีเครือข่ายของ สสส. ให้เข้ามาช่วยกันส่งเสียง ตั้งโจทย์ และทำงานร่วมกัน”
![](https://101pub.org/wp-content/uploads/2022/09/image-8-1024x683.png)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปกป้อง จันวิทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ วันโอวัน เปอร์เซนต์ จำกัด และหัวหน้าโครงการ พร้อมด้วย นายฉัตร คำแสง ผู้อำนวยการ 101 PUB ได้ร่วมกันกล่าวแนะนำ ‘คิด for คิดส์’ ว่า “หน้าที่หลักของเราคือการทำงานวิชาการเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะด้านเด็ก เยาวชน ครอบครัว และการเรียนรู้ ตั้งแต่การวิเคราะห์-ติดตาม-วิจัย-ออกแบบนโยบายสาธารณะ รวมถึงการรวบรวมและจัดทำข้อมูลที่จำเป็น เช่น การสำรวจเยาวชนไทย (Youth Survey) ที่ ‘คิด for คิดส์’ ได้สำรวจเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ การเรียนและการทำงาน ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว ตลอดจนคุณค่าและทัศนคติทางสังคมของเยาวชนอายุ 15-25 ปี ประมาณสองหมื่นคนทั่วประเทศ และเปิดฐานข้อมูลให้ทุกคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ต่อได้ทางเว็บไซต์ kidforkids.org”
“นโยบายเด็กและครอบครัว คืออนาคตของเด็กทั้งชีวิต คืออนาคตของสังคม จุดหมายปลายทางคือ การพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพสูงสุดตามเส้นทางที่แต่ละคนได้เลือกเอง เราจะบรรลุจุดหมายนี้ได้ การเมืองต้องดี เป็นประชาธิปไตย เคารพสิทธิเสรีภาพและความหลากหลาย เศรษฐกิจต้องดี ไม่เหลื่อมล้ำ ระบบการศึกษาต้องดี กระบวนการนโยบายต้องดี เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมตลอดทาง ใช้ความรู้เป็นฐานสร้างการเปลี่ยนแปลง” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปกป้องกล่าวทิ้งท้าย
![](https://101pub.org/wp-content/uploads/2022/09/image-9-1024x683.png)
ต่อมาได้มีการนำเสนอรายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2565 ของ ‘คิด for คิดส์’ จัดทำโดย นายฉัตร คำแสง นายวรดร เลิศรัตน์ และนางสาวเจณิตตา จันทวงษา ทีมนักวิจัยจาก 101 PUB
นายฉัตรกล่าวนำว่า “เดิมทีการพัฒนาเด็กไทยท่ามกลางโลกที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงเร็วก็เป็นงานที่ท้าทายอยู่แล้ว แต่เมื่อเด็กและครอบครัวไทยเผชิญกับ ‘สามวิกฤต’ ได้แก่ วิกฤตโควิด-19 วิกฤตความเหลื่อมล้ำและการพัฒนา และวิกฤตสังคมการเมือง ซ้ำเข้าไป ปัญหาก็ยิ่งหนักหน่วงและซับซ้อนขึ้นอีก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เปราะบางเป็นทุนเดิม วิกฤตเหล่านี้สร้างทั้ง ‘แผลสด’ ที่ส่งผลกระทบเฉพาะหน้า และรุนแรงมากจนกลายเป็น ‘แผลเป็น’ ที่ส่งผลกระทบระยะยาวไปตลอดชีวิตได้ หากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง”
![](https://101pub.org/wp-content/uploads/2022/09/image-10-1024x683.png)
นายวรดรและนางสาวเจณิตตานำเสนอ 7 แนวโน้มสำคัญของสถานการณ์เด็ก เยาวชน และครอบครัวในปี 2565 ซึ่งประกอบด้วย (1) เด็กและเยาวชนเผชิญภาวะการเรียนรู้ถดถอย พัฒนาการหยุดชะงัก (2) เด็กและครอบครัวเข้าถึงบริการของรัฐได้ยากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด (3) เด็กและเยาวชนถูกผลักเข้าสู่โลกออนไลน์โดยขาดฐานที่จำเป็น (4) เด็กและเยาวชนเครียดและมีปัญหาสุขภาพจิตสูงขึ้น (5) เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมทางการเมืองแต่ภาครัฐสกัดกั้นด้วยความรุนแรงมากขึ้น (6) โครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ ครอบครัวมีขนาดเล็กและเปราะบางยิ่งขึ้น และ (7) ความไม่ลงรอยระหว่างรุนแรงขึ้น บั่นทอนความสัมพันธ์ภายในครอบครัว
![](https://101pub.org/wp-content/uploads/2022/09/image-11-1024x683.png)
“แม้เด็กจะไม่ใช่กลุ่มที่เสี่ยงที่สุดจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่ก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการรับมือโรคระบาดในหลายด้าน เช่น ภาวะการเรียนรู้ถดถอยโดยเฉพาะในเด็กปฐมวัยจากการปิดสถานศึกษาที่กินเวลา 69 สัปดาห์ การหลุดออกจากระบบการศึกษา การสูญเสียบุคคลในครอบครัวจนกลายเป็นเด็กกำพร้า เป็นต้น ในขณะที่การทุ่มเททรัพยากรไปจัดการโควิดก็ทำให้แม่และเด็กจำนวนมากเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพ ซึ่งสะท้อนผ่านอัตราการฝากครรภ์และอัตราได้รับการดูแลสุขภาพก่อนคลอดที่ลดลงอย่างชัดเจนในช่วงโควิด” นางสาวเจณิตตา กล่าว
นายวรดร นำเสนอเพิ่มเติมว่า“การปิดโรงเรียนผลักให้เด็กและเยาวชนเข้าสู่โลกออนไลน์ โดยขาดฐานและทักษะที่จำเป็น ซึ่งผู้ปกครองและครูช่วยเหลือได้จำกัดเพราะผลสำรวจชี้ว่ามีทักษะต่ำกว่าอีก นอกจากนั้น กว่าร้อยละ 78 ของครัวเรือนที่มีเยาวชน ไม่มีคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ หลายบ้านต้องเรียนออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว ส่วนในด้านการมีส่วนร่วมทางการเมือง ผลสำรวจชี้ว่า เยาวชนร้อยละ 70 สนใจติดตามการเมืองค่อนข้างมากถึงมากที่สุด เกือบทั้งหมดยังเห็นว่าสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ทั้งการแสดงออกทางความคิดและการชุมนุมเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมารัฐบาลยังเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในกระบวนการนโยบายไม่มากพอ ทั้งกลไกของสภาเด็กและเยาวชนที่ขาดอิสระ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และงบประมาณไม่เพียงพอ ตลอดจนยังมีการใช้อาวุธและเครื่องมือทางกฎหมายตอบโต้เด็กและเยาวชน จนเพิ่มความขัดแย้งในสังคม”
เอกสารและฐานข้อมูล
ดาวน์โหลด ‘รายงานสถานการณ์เด็ก เยาวชน และครอบครัว ประจำปี 2022’ ได้ ที่นี่
ดาวน์โหลด ‘ชุดข้อมูลจากผลสำรวจเยาวชนไทย (Youth Survey 2022)’ ได้ ที่นี่
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการนำเสนอได้ ที่นี่
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการเสวนาทั้งหมดและผลงานวิเคราะห์นโยบาย 4 เรื่องได้ ที่นี่