ระบบกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของไทยที่มีพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 (พ.ร.บ. การแข่งขันฯ) เป็นกฎหมายหลักนั้นแม้จะมีพัฒนาการจากอดีตขึ้นมามากแต่ก็ยังมีปัญหามากมายทั้งในด้านเนื้อหาของกฎหมายและในด้านองค์กรผู้บังคับใช้ จุดเด่นที่สุดของ พ.ร.บ. การแข่งขันฯ ฉบับปัจจุบันคือการปรับปรุงให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) และสำนักงานฯ เป็นองค์กรอิสระ ในความหมายว่าการทำงานไม่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกระทรวงพาณิชย์ ด้วยความมุ่งหวังให้การทำงานของหน่วยงานปลอดจากอิทธิพลทางการเมือง มีผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเต็มเวลาและพร้อมที่จะอุทิศตนเพื่อรักษาการแข่งขันภายในตลาด
นอกจากนี้ พ.ร.บ. การแข่งขันฯ ยังได้ขยายวาระการดำรงตำแหน่งของ กขค. จากเดิม 2 ปี เป็น 4 ปี เพื่อให้ทำงานได้ต่อเนื่องมากขึ้น ทั้งนี้ กขค. ยังมีอำนาจในการสืบสวนคดีอาญาและอำนาจในการกำหนดโทษปรับทางปกครองรวมถึงฟ้องเป็นคดีปกครองเพิ่มขึ้นมาด้วย รวมถึงยังลดข้อยกเว้นของกฎหมายการแข่งขันทางการค้าให้กับรัฐวิสาหกิจซึ่งมีอำนาจผูกขาดบางส่วนจากอำนาจรัฐในอดีต โดยเหลือการยกเว้นเพียงการดำเนินงานตามนโยบายรัฐ
อย่างไรก็ดี ภายในระยะเวลาประมาณ 6 ปีที่ผ่านมาหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ การที่บริษัทขนาดใหญ่สามารถควบรวมกิจการได้อย่างง่ายดาย การที่ กขค. ไม่สามารถตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ที่กำลังครอบครองส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญของประเทศอยู่ และการไม่จัดทำรายงานศึกษาสภาพการแข่งขันของตลาดเชิงลึก (market study) สวนทางกับความมุ่งหมายของกฎหมายที่ต้องการแก้ปัญหาการกระจุกตัวทางเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมเสรีภาพทางเศรษฐกิจของผู้เล่นในตลาดซึ่งย่อมรวมถึงผู้บริโภคด้วย ระบบเศรษฐกิจที่กระจุกตัวสูงเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าเสรีภาพทางเศรษฐกิจยังไม่ถูกรับรองสำหรับทุกคนและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยยังไม่มีความเป็นประชาธิปไตย
รายงานฉบับนี้ต้องการนำเสนอข้อเสนอเบื้องต้นเกี่ยวกับการปฏิรูประบบกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทย ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสเรียกร้องการแก้ไขปัญหาการผูกขาดและความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ และท่ามกลางความเคลื่อนไหวของหลายประเทศที่กำลังดำเนินการแก้ไขหรือปฏิรูประบบกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของตนเอง เพื่อรับมือกับกระแสการกระจุกตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและพลวัตทางเศรษฐกิจที่ลดลงทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา