“รัฐธรรมนูญไม่ใช่แค่เรื่องของนักกฎหมาย”: ถึงเวลาตีโจทย์รัฐธรรมนูญใหม่จากความฝันของเยาวชน-ประชาชน

“รัฐธรรมนูญไม่ใช่แค่เรื่องของนักกฎหมาย”: ถึงเวลาตีโจทย์รัฐธรรมนูญใหม่จากความฝันของเยาวชน-ประชาชน

101 PUB

23 January 2025

‘เราฝันถึงสังคมแบบไหน?’

คำถามนี้ดูจะเป็นคำถามที่สังคมไทยมิได้หยิบยกขึ้นมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันมากนัก แม้กระทั่งในยามที่รัฐบาลกำลังเตรียมจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งที่คำตอบของคำถามดังกล่าวควรเป็น ‘เข็มทิศ’ สำคัญในการกำหนดแนวคิดและทิศทางของรัฐธรรมนูญ ซึ่งพึงเป็นเครื่องมือนำพาสังคมหนึ่งๆ ไปสู่จุดมุ่งหมายที่ทุกคนมีร่วมกัน

ที่ผ่านมา บทสนทนาเรื่องรัฐธรรมนูญมักวนเวียนอยู่กับเรื่องเชิง ‘เทคนิค’ อย่าง มี สส. กี่คน? เลือกตั้ง สส. ใช้บัตรกี่ใบ? หรือควรมี สว.-ศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระหรือไม่? แล้วปล่อยให้บทสนทนานี้เป็นเรื่องของนักการเมือง-นักเทคนิคเสียมาก แต่ที่จริง บทสนทนานี้ควรตั้งต้นจาก ‘ประชาชน’ มากำหนด ‘ภาพฝัน-อุดมคติ’ ซึ่งอยากขับเคลื่อนสังคมไทยให้ไปถึงร่วมกัน ชี้เป้า ‘ปัญหา’ ซึ่งพวกเราอยากเห็นระบบการเมืองเข้ามาแก้ไข – บทสนทนานี้ควรเป็นบทสนทนาที่ใครๆ ก็ร่วมคิดร่วมคุยได้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เยาวชนเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงสังคม-การเมืองอย่างกระตือรือร้นและทรงพลังที่สุด อนาคตของพวกเขาผูกติดอยู่กับความเป็นไปของสังคมไทย เช่นเดียวกันกับที่อนาคตของสังคมขึ้นอยู่กับชีวิตและความฝันของพวกเขา ความฝันของพวกเขาจึงไม่ควรถูกมองข้าม แต่ควรถูกรับฟัง เข้าใจ และนับรวมเข้ามาสู่บทสนทนาเรื่องรัฐธรรมนูญใหม่

คิด for คิดส์ – ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับ 101 PUB จึงชวนเยาวชนมาร่วมแชร์ความคิด-ความฝันต่อสังคมไทย ตลอดจนการปฏิรูปการเมืองและรัฐธรรมนูญใหม่ ในงาน Youth’s Policy Dialogue I: เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ในฝันเยาวชน เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025 ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ร่วมแลกเปลี่ยนถึงความสำคัญของรัฐธรรมนูญและโอกาสจากการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ในการเติมเต็มความฝันของเยาวชน-ประชาชน โดย รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง สมาชิกวุฒิสภา, ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ, และ อิสร์กุล อุณหเกตุ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย วรดร เลิศรัตน์ 101 PUB

‘รัฐธรรมนูญ’ ไม่ใช่แค่เรื่องของนักกฎหมาย

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล

ภัสราวลี เริ่มต้นพูดถึงเรื่อง ‘ความฝัน’ ของเยาวชนไทย เธอกล่าวว่า ที่ผ่านมาความฝันเด็กไทยหลายคน รวมถึงความฝันในวัยเด็กของตัวเธอเองถูกตีกรอบด้วยปัจจัยทางสังคม หลายครั้งที่เด็กไทยไม่ได้ทำตามความชอบหรือความฝัน เพราะค่านิยมจากสังคมที่เข้ามาเป็นเงื่อนไข ซึ่งชัดเจนว่า นี่คือภาพสะท้อนว่าเยาวชนไทยไม่ได้มีความปลอดภัยในการคิดฝันจากความต้องการของตัวเองจริงๆ กระทั่งเมื่อต้องเติบโตในสังคมที่มีระบอบการเมืองเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความฝันหลายอย่างไม่สามารถเป็นจริงได้ เพราะสภาพสังคมโดยรอบไม่ได้เอื้อให้ได้ทำตามความฝัน หรือแม้แต่ไม่เอื้อให้มีทุนทรัพย์มากพอจะไปทำตามความฝัน

คำถามสำคัญคือ ในเมื่อหลายคนพยายามแทบตายก็ทำตามความฝันไม่ได้ แล้วเราควรไปแก้ปัญหาตรงจุดไหน คำตอบของภัสราวลีคือ ‘ระบอบการเมือง’

“เมื่อเราสนใจเรื่องการเมือง ทำให้เห็นว่าหลังการรัฐประหาร ความฝันยิ่งตามได้ยากขึ้น เมื่อมีการรัฐประหาร เศรษฐกิจก็ยิ่งดิ่งลง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ขึ้นก็กระทบกันทั้งหมด” ภัสราวลีกล่าว

“เราเห็นว่าพ่อกับแม่เราก็ขยันทำงานกันทุกวัน ไม่เคยหยุดขยัน แต่ชีวิตเราก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มันเชื่อมโยงกันได้ว่า ความเป็นไปของภาคการเมืองเป็นเงื่อนไขปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่กระทบต่อชีวิตของเรา” ภัสราวลีกล่าว

ยิ่งเมื่อพูดลงถึงถึงความอยุติธรรมในสังคมอันเป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2017 ภัสราวลีเน้นย้ำว่าความอยุติธรรมนี้มีอาณาเขตกว้าง และใกล้ตัวเราทุกคนมากกว่าที่คิด เช่น เมื่อพูดเรื่องสิทธิเสรีภาพในรัฐธรรมนูญ 2017 ที่ถูกบัญญัติไว้ เธอชี้ให้เห็นความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นคือ ทุกมาตราที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพจะมีประโยคห้อยท้ายว่า ต้องไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อ ‘ความมั่นคงของรัฐ’ นี่คือคำถามอีกมากที่ตามมาว่า นิยามของความมั่นคงของรัฐคืออะไร มากกว่าไปกว่านั้นคือ รัฐคือภาพแทนของใคร และความมั่นคงของรัฐคือของใครกันแน่

ภัสราวลีระบุว่า การกำหนดห้อยท้ายนี้เท่ากับว่าสิทธิเสรีภาพของประชาชนมีเงื่อนไขเกิดขึ้นมา ในเชิงอุดมคติ ความมั่นคงในที่นี้ควรจะหมายถึงความมั่นคงของประชาชน ทว่าทุกวันนี้ ‘ความมั่นคงของรัฐ’ ถูกช่วงชิงความหมาย และถูกนำไปใช้กับคุณค่าบางอย่างเท่านั้น และกลายเป็นเครื่องมือในการกำกับบังคับใช้กฎหมาย เช่น นำมาจัดการกับการชุมนุมทางการเมือง ที่เปิดโอกาสให้รัฐได้ตีความ ‘ความมั่นคงของรัฐ’ ที่มีความหมายบิดเบี้ยวไป

กระทั่งเสรีภาพทางวิชาการและสื่อมวลชนก็มีเงื่อนไขมิให้ประชาชนถกเถียงถึงความเป็นไปในสังคมได้อย่างเต็มที่ แม้แต่การพูดคุยทางการศึกษาก็เป็นภัยต่อความมั่นคงได้ ซ้ำร้ายกว่านั้นคือ หากประชาชนส่งเสียงว่าเราต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ก็อาจจะถูกภาครัฐดำเนินคดีก็ได้

“ต่อให้เราจะส่งเสียงแค่ไหน ก็กลายเป็นว่ารัฐได้ตีความความหมายของการกระทำผิดเพี้ยนไป ว่าเป็นการทำลายความมั่นคงของรัฐ ทั้งที่ความต้องการของเราจริงๆ คือการทำให้ประเทศดีขึ้น”

“ทุกวันนี้ประชาชนไม่อาจรู้เลยว่าการพูดถึงชีวิตและความฝันของตัวเองจะแปรสภาพเป็นภัยความมั่นคงของรัฐภายใต้ระบอบการปกครองแบบนี้หรือไม่ ระบอบที่รัฐพยายามกระชับอำนาจไว้ที่ตัวเอง และพยายามจำกัดทุกอย่างผ่านรัฐธรรมนูญ เพื่อให้อำนาจที่เขาถือไว้ไม่ออกไปสู่ประชาชน”

มากไปกว่านี้ ภัสราวลีเสริมว่า สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานใกล้ตัวประชาชนหลายเรื่องก็หายไปจากรัฐธรรมนูญ 2017 บางเรื่องถูกเปลี่ยนไปเป็นเพียง ‘หน้าที่ของรัฐ’ ซึ่งเท่ากับว่า ประชาชนมิใช่ผู้ทรงสิทธิในตนเอง และไม่ได้รับการประกันว่ารัฐต้องคุ้มครองสิทธินั้น แต่ประชาชนทำได้แค่รอคอยจากการทำหน้าที่ของรัฐ คอยว่ารัฐจะตัดสินใจทำอะไรให้ประชาชนบ้าง

“แม้แต่สิทธิเรียนฟรีก็อยู่ในหมวดหน้าที่ของรัฐ เท่ากับเราไม่ได้เป็นตัวหลักในการตัดสินใจ แต่เป็นภาครัฐที่ตัดสินทั้งหมดให้เรา” ภัสราวลีกล่าวเสริม

ในความคิดของภัสราวลี เธอมองว่าตอนนี้การเมืองไทยจะมีท่าทีเป็นไปอย่างไร ตัวละครหลักไม่ได้อยู่ที่ประชาชน อำนาจหลักในการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน มีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ยอมให้ประชาชนได้คิดฝัน กำหนดอนาคตของตัวเอง นี่เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ไม่ว่าที่ผ่านมาเยาวชนไทยจะฝันถึงอะไร จะพยายามวิ่งตามความฝันขนาดไหน ก็ยังเกิดขึ้นไม่ได้เสียที

“ตอนนี้ความฝันของเราคือการกำหนดอนาคตเกิดขึ้นด้วยตัวของประชาชนเอง และแน่นอนว่าการปฏิรูปรัฐธรรมนูญถือเป็นเครื่องสำคัญในการกำหนดกรอบกติการ่วมกัน เพื่อทำให้วัฒนธรรมเชิงโครงสร้างกลับมาอยู่ที่ประชาชน เพื่อปรับเงื่อนไขทางสังคมที่เอื้อให้คนได้ใช้ชีวิตในอย่างที่อยากจะเป็นมากขึ้น เพราะความฝันของเราตอนนี้คือการทวงพื้นที่ในประเทศเราคืน ให้สังคมในบ้านเราเอื้อเฟื้อในการทำตามความฝันในบ้านเกิดเราไม่ได้ ไม่ใช่ต้องย้ายไปประเทศอื่น”

“รัฐธรรมนูญไม่ใช่แค่เรื่องที่นักกฎหมายเขียนได้ แต่ต้องเกิดจากคนทั่วไปที่ฝันได้ว่าอยากมีชีวิตแบบไหนผ่านการเขียนรัฐธรรมนูญ” ภัสราวลีเน้นย้ำ

ความคาดหวังขั้นพื้นฐานจากรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

อิสร์กุล อุณหเกตุ
อิสร์กุล อุณหเกตุ

จากแบบสอบถามลงทะเบียนร่วมวงพูดคุยเรื่อง ‘รัฐธรรมนูญ’ วันนี้ เรื่องสำคัญที่สุดที่เยาวชนผู้เข้าร่วมงานอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงคือการแก้ปัญหา ‘เศรษฐกิจที่ปิดกั้นโอกาสและเหลื่อมล้ำ’ อิสร์กุล เริ่มต้นวิเคราะห์ถึงความเชื่อมโยงระหว่างรัฐธรรมนูญกับเศรษฐกิจว่า การพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจ-สังคม-การเมืองมี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ แนวคิด กฎกติกา และโครงสร้างสถาบัน ‘รัฐธรรมนูญ’ คือหนึ่งในกฎกติกาสูงสุดที่ควบคุมอำนาจอธิปไตย และมีบทบาทในการจัดการโครงสร้างทางสังคม-การเมืองหลายมิติ

อิสร์กุลระบุว่า ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของเมืองไทยคือพูดคุยถึง ‘แนวคิด’ ต่อเรื่องนี้น้อยเกินไป มากไปกว่านั้น ที่ผ่านมา 3 องค์ประกอบยังไม่เคยสัมพันธ์กันจริงๆ แต่ไปกันคนละทิศละทาง คำถามสำคัญคือจนถึงวันนี้ รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องสะท้อนแนวความคิดของคนในสังคมจริงๆ หรือไม่

“ถ้าถามว่า รัฐธรรมนูญคืออะไร คำตอบคือ มันคือตัวที่จัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและประชาชน เป็นตัวบอกว่ารัฐคือใคร ประชาชนคือใคร และมีใครใช้อำนาจในส่วนไหนอยู่บ้าง”

“ที่ผ่านมาเราพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญในเชิงเทคนิคกันมาตลอด เช่น เราจะเลือกตั้งอย่างไร สส. ต้องมีกี่คน กี่เขต แต่เราคุยเรื่องแนวคิดในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและประชาชนกันน้อยมาก เช่น รัฐต้องรับฟังความเห็นของประชาชน ต้องมีหน้าที่ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม […] ซึ่งจะเชื่อมโยงไปกับที่คำถามว่า รัฐจะจัดการแก้ไขปัญหา-ความเหลื่อมล้ำเหล่านั้นได้อย่างไร” อิสร์กุลกล่าว

หลายคนมองการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นโอกาสในการพัฒนาประชาธิปไตยไทย ถ้าถามว่าประชาธิปไตยเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไร อิสร์กุลอธิบายให้เห็นภาพว่า สภาพของเศรษฐกิจที่ดีต้องเริ่มจากสังคมการเมืองที่ดี และสถาบันทางการเมืองเป็นตัวกำหนดสถาบันทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้น หากโครงสร้างสถาบันทางการเมืองมิได้วางให้รัฐเป็นตัวแทนของประชาชน และใช้อำนาจเพื่อประชาชนตามครรลองประชาธิปไตย ก็ยากที่จะก่อให้เกิดสถาบันทางเศรษฐกิจซึ่งคำนึงถึงและสร้างประโยชน์แก่ประชาชน

“อยู่ที่เราว่าอยากจะออกแบบรัฐธรรมนูญให้สะท้อนเสียงของใคร และหลังจากเลือกตั้งมาแล้ว รัฐสะท้อนเสียงของประชาชนตามหลักประชาธิปไตยตามที่เราคาดหวังไว้จริงๆ หรือเปล่า เมื่อสถาบันทางการเมืองไม่ได้สะท้อนเสียงของประชาชนจริงๆ ตั้งแต่แรก ก็จะมีคำถามตามมาว่า การเลือกตั้งได้สะท้อนเสียงของประชาชนจริงไหม”

“ถ้าพูดถึงนโยบายทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะเจาะจงว่ามีอะไรบ้างที่จะเป็นความคาดหวังขั้นต่ำจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมมองว่ารัฐธรรมนูญเขียนให้น้อย แต่ได้ใจความสำคัญจะดีที่สุด รัฐธรรมนูญควรจะเป็นกฎที่กำหนดให้มีการสะท้อนความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา และเข้าใจได้โดยง่าย ไม่ใช่โดยยาก” อิสร์กุลสรุป

รัฐธรรมนูญจากพลังและความฝันของประชาชน

ประภาส ปิ่นตบแต่ง
ประภาส ปิ่นตบแต่ง

จากประสบการณ์ที่ทำงานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและการมีส่วนร่วมของประชาชน รศ.ดร.ประภาส กล่าวว่า ‘พลังของประชาชน’ มีความสำคัญในการต่อรองกับภาครัฐ เพื่อให้รัฐไม่ละเมิดและทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตลอดจนดำเนินนโยบายตอบสนองความต้องการและความฝันของประชาชนได้อย่างเหมาะสม

ในส่วนของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หากถามว่ามีปัญหามากแค่ไหน ประภาสระบุว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนเพียงบางกลุ่ม ทว่าเป็นบทบัญญัติที่มีปัญหากับประชาชนทุกภาคส่วน เพราะวางโครงสร้างอำนาจที่กดทับพลังของประชาชน มิให้ประชาชนมีอำนาจร่วมกำหนดนโยบาย สังคมจำเป็นต้องย้อนกลับไปดูว่าอะไรบ้างที่นำมาสู่โครงสร้างทางอำนาจที่เปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้

“เราเห็นภาพใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่รัฐประหารพาประเทศไปสู่ระบอบใหม่ และความสัมพันธ์ทางอำนาจใหม่ ที่ผ่านมาประชาชนพยายามผลักดันให้เกิดการถ่ายโอนอำนาจลงไปที่ประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย แต่รัฐธรรมนูญ 2017 ที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหารได้เปลี่ยนโครงสร้างมาสู่ระบอบใหม่ที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตย”

เมื่อเป็นเช่นนั้น การร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นการจัดโครงสร้างอำนาจใหม่ เพราะเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2017 คือการดันอำนาจขึ้นไปข้างบน หมายความว่าอำนาจในการกำหนดนโยบายทั้งหมดอยู่ที่ชนชั้นนำ รวมศูนย์ทั้งหมดอยู่ที่ส่วนกลาง ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ประชาชนกำลังพยายามสร้างประชาธิปไตยขึ้นมา และถ่ายโอนอำนาจไปสู่ประชาชนได้มีปากมีเสียง ที่ผ่านมาจึงไม่น่าแปลกใจว่าประชาชนจะเอาจริงเอาจังกับการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้ความฝันของผู้คนเป็นจริงขึ้นมาได้ นี่คือความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันระหว่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พลังของผู้คน และภาพความฝันของประชาชน

“ทุกวันนี้ถ้าพูดถึงการใช้เสรีภาพของประชาชนก็จะมีกรอบอยู่เสมอ ยิ่งสิทธิอะไรที่ไปกระทบความมั่นคงของรัฐ ก็จะถูกยกเว้นไปทั้งหมด นี่เป็นปัญหาที่เด่นชัดว่าทำไมเราต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันใหม่ ให้เป็นรัฐธรรมนูญที่กินได้ ใช้ได้ และตอบโจทย์ชีวิตของประชาชนได้จริงๆ” ประภาสทิ้งท้าย

รัฐธรรมนูญใหม่-อนาคตใหม่ของเยาวชนและสังคมไทย

ภาพถ่าย

เรียบเรียง/นำเสนอ

101 PUB

ดำเนินรายการ

วรดร เลิศรัตน์

สร้างสรรค์ภาพ

เมธิชัย เตียวนะ

สร้างสรรค์ภาพ

วนา ภูษิตาศัย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำรัฐธรรมนูญใหม่ เกี่ยวกับเราอย่างไร?: Explainer 101

ทำรัฐธรรมนูญใหม่ เกี่ยวกับเราอย่างไร?: Explainer 101

101 PUB ชวนสำรวจความสำคัญและความข้องเกี่ยวของรัฐธรรมนูญกับประชาชนอย่างเราๆ ค้นหาคำตอบว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อาจเอื้อให้ชีวิตเราดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง?

ปากท้องดี-มีประชาธิปไตย: สองโจทย์ที่สังคมไทยไม่ต้องเลือก

ปากท้องดี-มีประชาธิปไตย: สองโจทย์ที่สังคมไทยไม่ต้องเลือก

ปากท้อง กับ ประชาธิปไตย เป็น ‘ทางแพร่ง’ ที่เราต้องเลือกจริงหรือไม่? 101 PUB ชวนสำรวจคำอธิบายว่า ประชาธิปไตยเป็นเงื่อนไขในการเติมเต็มปากท้องและความฝันของประชาชนอย่างไร?

งานเสวนาสาธารณะ ‘Youth’s Policy Dialogue’

101 PUB ขอเชิญชวนเยาวชนร่วมแชร์ความคิด-ความฝันในงาน ‘Youth’s Policy Dialogue’ วงสนทนาสำหรับทุกคนที่ทุกไอเดียมีความหมาย ‘พูดคุย’ เพื่อ ‘เปลี่ยนแปลง’ นโยบาย สร้างอนาคตเยาวชนไทยให้ดีกว่าเดิม

30 December 2024

101 Public Policy Think Tank
ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง

ศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะไทยในบริบทโลกใหม่ สร้างสรรค์ความรู้ด้านนโยบายสาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มพลังให้ประชาชนสามารถตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และสังคม

Copyright © 2025 101pub.org | All rights reserved.