ทำอย่างไรให้พรรคไม่ง้อนายทุน

ทำอย่างไรให้พรรคไม่ง้อนายทุน? : แนวทางปรับโครงสร้างรายได้ให้พรรคการเมืองไทยเป็นของประชาชน

ประเด็นสำคัญ

  • พรรคการเมืองไทยพึ่งพารายได้มาจากผู้บริจากรายใหญ่เป็นหลัก ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมในการแข่งขัน และทำให้พรรคการเมืองเสี่ยงต่อการถูกครอบงำโดยนายทุน
  • ควรเพิ่มรายได้ที่ภาครัฐอุดหนุนให้พรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองมีแหล่งรายได้ที่มั่นคง ไม่ต้องพึ่งเงินจากรายใหญ่มากเกินไป
  • เมื่อเพิ่มรายได้จากภาครัฐแล้ว ควรมีมาตรการลดการสนับสนุนจากผู้บริจาครายใหญ่ และส่งเสริมให้ผู้บริจาครายย่อยบริจาคเพิ่ม

ที่ผ่านมาภาครัฐมักถูกตั้งคำถามว่าดำเนินนโยบายและบริหารประเทศในทิศทางที่มีแนวโน้ม “เอื้อนายทุน” ตัวอย่างเช่น นโยบายค่าไฟ[1]อ่านเพิ่มเติมได้ใน https://www.infoquest.co.th/2023/276182 การรีบประมูลธุรกิจปลอดภาษีอากร การจัดการบริหาร EEC[2]อ่านเพิ่มเติมได้ใน https://workpointtoday.com/ffp-37/ การปล่อยให้เกิดการควบรวมธุรกิจเจ้าใหญ่[3]อ่านเพิ่มเติมได้ใน https://themomentum.co/report-political-make-poor-people/ ฯลฯ

นโยบายเหล่านี้นำมาสู่ความสงสัยถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างนายทุนและนักการเมืองในประเทศไทย กลุ่มทุนภาคธุรกิจจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของภาครัฐมากแค่ไหน? ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกลุ่มทุนกับการเมืองจะส่งผลให้เกิดปัญหาประโยชน์ต่างตอบแทนในการผลักดันนโยบายหรือกระบวนการจัดหาผู้รับสัมปทานหรือไม่

101 PUB จึงขอชวนทุกท่านสำรวจสถานการณ์ที่มารายได้พรรคการเมือง ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญหนึ่งที่เปิดให้เหล่า ‘ผู้สนับสนุนรายใหญ่’ สามารถเข้ามามีอิทธิพลทางการเมืองได้ พร้อมกับหาแนวทางที่จะทำให้พรรคการเมืองมีรายได้ที่ยึดโยงกับประชาชนทุกกลุ่ม ไม่พึ่งพาเฉพาะเงินจากคนรวยเท่านั้น เพื่อทำให้ ‘ประชาชน’ เป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงในการกำหนดทิศทางของพรรคการเมือง

จะทำพรรคการเมืองได้ต้องมีเงิน

พรรคการเมืองคือองค์กรที่รวมบุคคลที่มีอุดมการณ์และเป้าหมายคล้ายคลึงกัน เพื่อทำหน้าที่หลักสามประการคือ 1) จัดทำนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของประชาชน 2) คัดสรรตัวแทนทางการเมือง 3) กำหนดทิศทางของภาครัฐ[4]สิริพรรณ นกสวน สวัสดี. (2565). พรรคการเมืองกับประชาธิปไตย: ทฤษฎี ความคาดหวัง และความเป็นจริง. ใน วุฒิสาร ตันชัย, ธีรพรรณ ใจมั่น, และ สติธร ธนานิธิโชติ, … Continue reading

การที่พรรคการเมืองจะสามารถทำหน้าที่เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพพรรคต้องมี ‘ทุน’ เพื่อนำไปสร้างความเข้มแข็งให้องค์กร ทั้งจ้างบุคลากร ลงทุนสำนักงาน สร้างเครือข่าย จัดหาสมาชิก อย่างน้อยตามที่กฎหมายกำหนด[5]มาตรา 33 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดให้พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 5,000-10,000 คนตามระยะเวลาทำการของพรรค และต้องจัดตั้งสาขาพรรคให้ครอบใน 4 … Continue reading ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละพรรคต้องมีทุนเพื่อใช้แข่งขันหาเสียงให้ได้รับเลือกเข้าไปทำหน้าที่ในสภาและทำเนียบรัฐบาลด้วย พรรคการเมืองแต่ละพรรคจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะต้องแสวงหาทุนให้เพียงพอสำหรับการทำภารกิจเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม แหล่งทุนที่พรรคหามาได้นั้นย่อมมีผลต่อทิศทางการทำงานของพรรค กล่าวคือหากพรรคมีรายได้ที่ยึดโยงกับประชาชนคนหมู่มาก พรรคจะพยายามทำหน้าที่สอดคล้องกับความคาดหวังของประชาชน สามารถผลักดันนโยบายที่ให้ประโยชน์ต่อคนหมู่มากได้โดยไม่ทำให้พรรคขาดแคลนทรัพยากรในการทำพรรค แม้อาจขัดผลประโยชน์คนบางกลุ่มก็ตาม แต่หากพรรคมีรายได้มาจากนายทุนไม่กี่ราย พรรคอาจตัดสินใจเอนเอียงไปตามความคาดหวังของนายทุนพรรค ไม่กล้าที่จะผลักดันนโยบายที่ขัดผลประโยชน์ต่อผู้สนับสนุนของพรรคได้ ถึงแม้ว่านโยบายนั้นจะให้ผลประโยชน์ต่อคนหมู่มาก เนื่องจากกังวลว่าพรรคจะขาดเงินทุนไปใช้บริหารพรรค

พรรคการเมืองไทยพึ่งพาเงินบริจาครายใหญ่เป็นหลัก

รายได้พรรคการเมือง

เมื่อเปิดดูรายได้ของพรรคการเมืองไทย 10 พรรคที่มีที่นั่งในสภาสูงที่สุด[6]โดยใช้ข้อมูลรายได้พรรคการเมือง 10 พรรคที่ได้ที่นั่งในสภามากที่สุดปี 2565 ที่เปิดเผยในเว็บ กกต. https://www.ect.go.th/ect_th/th/financial-statements-of-political-parties/ … Continue reading ซึ่งมีจำนวนเงินรวมกัน 693 ล้านบาท พบว่า เงินบริจาครายใหญ่ (บริจาคตั้งแต่ 1 ล้านเป็นต้นไป) เป็นรายได้ก้อนสำคัญที่สุด คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่เงินที่มาจากประชาชนรายย่อยทั้งเงินบริจาค และเงินค่าสมาชิก (เงินบำรุงพรรค) รวมกันคิดเป็นเพียงร้อยละ 19.7 ของรายได้ของพรรคเท่านั้น ตามมาด้วยเงินระดมทุน เช่น การขายสินค้าที่ระลึกพรรค จัดเลี้ยงโต๊ะจีน เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 17.1 ของรายได้พรรค และเงินสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น เงินบริจาคภาษี และเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ซึ่งมีที่มาจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง คิดเป็นร้อยละ 9.2 ของรายได้

การพึ่งพาเงินรายใหญ่ในระดับที่สูงมากเช่นนี้นำมาสู่ปัญหาทางการเมืองที่สำคัญสองประการ คือ

1) พรรคที่ไม่มีทุนหนุนหลังจะแข่งขันได้ยาก เนื่องจากพรรคที่สามารถพึ่งพิงเงินจากรายใหญ่จะมีทรัพยากรมากกว่า สามารถจ้างบุคลากร จัดกิจกรรม ทำนโยบาย สร้างเครือข่าย ลงทุนโฆษณาหาเสียงได้มากกว่า และกลายเป็นรู้จักของประชาชนในวงกว้างมากกว่า ในขณะที่พรรคที่ไม่มีทุนหนุนหลังจะขาดแคลนทรัพยากร ทำให้ขาดศักยภาพในการแข่งขันหาเสียง และไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนวงกว้าง จึงไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนมากนัก ถึงแม้ว่ามีอุดมการณ์และนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนจำนวนมาก

2) พรรคการเมืองที่พึ่งทุนหนุนหลังเสี่ยงต่อการถูกครอบงำ เนื่องจากพรรคต้องพึ่งพาเงินบริจาคจากรายใหญ่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับพรรคอื่นได้ ผู้ให้ทุนรายใหญ่จึงมีอำนาจต่อรองให้พรรคการเมืองดำเนินการตามที่ตนต้องการได้ เช่น การผลักดันนโยบายที่ตนต้องการ และการกำหนดตัวผู้แทนที่พรรคจะส่งลงเลือกตั้ง เป็นต้น

พรรคการเมืองที่พึ่งพาเงินจากรายใหญ่เกินกว่า 80% ของรายได้ ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคไทยสร้างไทย ในขณะที่พรรคประชาชาติและพรรคก้าวไกล พึ่งพาเงินจากรายใหญ่ในสัดส่วนที่น้อยกว่า 20% ของรายได้พรรค[7]สามารถดูข้อมูลสรุปรายได้รายพรรคที่รวบรวมจากที่เว็บไซต์ กกต. เปิดเผยได้จาก  https://docs.google.com/spreadsheets/d/1ezEjEwcMhWrtIJ-qRCa68w6dLDPiUcKherFGxu2tmpE/edit?gid=0#gid=0

สถานการณ์ที่พรรคต่างๆ พึ่งพารายได้จากรายใหญ่จึงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ปิดไม่ให้ประชาชนทั่วไปที่มีรายได้ไม่มากนักเข้ามามีบทบาททางการเมือง เนื่องจากตั้งพรรคไปก็แข่งขันได้ยาก จะลงสมัครในนามพรรคใหญ่ก็มีโอกาสน้อยที่จะถูกรับเลือกให้เป็นตัวแทน

ทุกพรรคต่างมีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่

เงินบริจาคพรรคการเมือง

สถานการณ์ที่พรรคการเมืองต้องพึ่งพานายทุนเกิดขึ้นชัดเจนในช่วงใกล้เลือกตั้ง เนื่องจากเป็นช่วงที่ทุกพรรคต่างแสวงหาทรัพยากรไปใช้แข่งขันกับพรรคอื่น หากพรรคไหนสามารถระดมทุนจากกลุ่มทุนได้มากที่สุดพรรคนั้นจะมีแต้มต่อในการแข่งขัน และมีโอกาสที่จะได้ที่นั่งในสภาจำนวนมาก

ในช่วงใกล้เลือกตั้ง พรรคที่มีอำนาจต่อรองสูงต่างพึ่งพารายได้การบริจาคจากรายใหญ่ โดยหากดูรายได้จากการรับบริจาคของพรรคการเมือง 6 พรรคที่มี สส. มากที่สุดในช่วงก่อนเลือกตั้ง[8]คำนวณจากข้อมูลผู้บริจาคเงินตั้งแต่ 5,000 บาทเป็นต้นไปในช่วง มกราคม 2565 จนถึง พฤษภาคม 2566 (+เพราะอะไรถึงต้องเป็นช่วงนี้?) … Continue reading จะพบว่า 3 ใน 4 ของเงินบริจาคทั้งหมดมาจากผู้บริจาครายใหญ่ที่บริจาคตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้อย่างพรรคเพื่อไทยและพลังประชารัฐมีรายได้บริจาคมาจากรายใหญ่เกือบทั้งหมด เมื่อดูข้อมูลให้ลึกลงไปจะพบว่าแต่ละพรรคจะมีผู้บริจาครายใหญ่ที่โดดเด่น (บริจาคเกิน 5 ล้านบาท) ขึ้นไปประมาณ 2-5 ราย ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นเหล่านี้คือผู้อุปถัมภ์หลักของพรรคการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้ง เช่น

– พรรคก้าวไกล เพื่อไทย และรวมไทยสร้างชาติ มีผู้บริจาครายใหญ่ที่โดดเด่น คือคนในพรรคเอง[9]ผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นที่เป็นคนในพรรคของพรรคก้าวไกลได้แก่ คุณอนันต์ ชัยสุริยเทพกุล (5.5 ล้านบาท) คุณพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ (5.4 ล้านบาท) … Continue reading

– พรรคภูมิใจไทยมีผู้บริจาคใหญ่ที่โดดเด่น เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง[10]ผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างของพรรคภูมิใจไทยได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด น้ำก่ำก่อสร้าง (10 ล้านบาท) บริษัท … Continue reading

– พรรคพลังประชารัฐมีผู้บริจาคใหญ่ที่โดดเด่น เป็นบริษัทเปลือก (บริษัทที่มีรายได้ไม่สอดคล้องกับขนาดกิจการ) [11]ผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นบริษัทที่มีรายได้ไม่สอดคล้องกับทุนจดทะเบียนในช่วงก่อนการบริจาคได้แก่ บริษัท พาร์คเลน … Continue reading

– พรรคประชาธิปัตย์มีผู้บริจาคใหญ่ที่โดดเด่น เป็นกลุ่มนักธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรม[12]ผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นนักธุรกิจได้แก่  คุณจีระศักดิ์ โกมุทกุล (10 ล้านบาท) คุณโชติ โสภณพนิช (10 ล้านบาท) บริษัท … Continue reading

การที่กลุ่มคนรวยหรือกลุ่มธุรกิจบริจาคเงินให้พรรคการเมืองในจำนวนมากๆ ไม่เกินปีละ 10 ล้านบาท เป็นสิ่งที่ทำได้และไม่ผิดกฎหมายในปัจจุบัน แต่สถานการณ์เช่นนี้สะท้อนว่าการมีทุนเป็นเครือข่ายหนุนหลังกลายเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้หากพรรคการเมืองต้องการมีที่ยืนที่มั่นคงในแวดวงการเมืองในปัจจุบัน

นอกจากเงินรายใหญ่ที่ถูกเปิดเผยในข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ผู้ชำนาญการบางท่านยังชี้ว่าพรรคการเมืองไทยอาจมีรายได้จำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกบันทึกอยู่ในบัญชี เนื่องจากผู้บริจาคนั้นต้องการบริจาคเงินที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงพยายามหาวิธีหลบเลี่ยง[13]อ่านเพิ่มเติมได้ที่ อรรถสิทธิ์ พานแก้ว & ณัชชาภัทร อมรกุล. (2564). โครงการศึกษาและพัฒนาระบบการเงินของพรรคการเมือง. สถาบันพระปกเกล้า. น.57 ดังนั้นพรรคการเมืองบางพรรคจึงอาจมี ‘รายใหญ่ตัวจริง’ บริจาคให้พรรคการเมืองโดยไม่ได้ส่งข้อมูลทางการเงินให้กับทาง กกต.

นอกจากนั้นผู้ชำนาญการยังชี้อีกว่าหากจะลดการพึ่งพาทุนใหญ่ด้วยการแก้กฎหมายลดเพดานการบริจาคเพียงอย่างเดียวย่อมไม่ใช่แนวทางที่มีเป็นไปได้ในทางปฏิบัติจริง[14]เรื่องเดียวกันหน้าเดียวกัน เนื่องจากในปัจจุบันพรรคการเมืองยังมีรายได้ที่มาจากช่องทางอื่น (เช่น รายได้จากรายย่อย และรายได้จากภาครัฐ) ไม่เพียงพอสำหรับใช้ขับเคลื่อนบริหารงานพรรค ดังนั้นพรรคต่างๆ จึงหันไปรับบริจาคจากรายใหญ่ผ่านช่องทางลับเพื่อทำให้พรรคยังดำเนินการต่อไปได้แทน ยิ่งส่งผลให้การเงินพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ยากมากขึ้น

โจทย์สำคัญในประเด็นรายได้พรรคการเมืองจึงเป็นประเด็นที่ว่า “ต้องทำให้พรรคการเมืองมีรายได้ทางเลือกที่หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทุนใหญ่เพียงอย่างเดียวเพื่อให้แข่งขันในทางการเมืองได้” ซึ่งการเพิ่มรายได้อุดหนุนจากภาครัฐเป็นแนวทางที่จะทำให้พรรคการเมืองมีรายได้ทางเลือกมากขึ้น อันจะส่งผลให้มาตรการลดเพดานการบริจาคเพื่อลดอิทธิพลของทุนใหญ่ในทางการเมืองสามารถทำได้จริง


เพิ่มรายได้รัฐ เพิ่มทางเลือกพรรคการเมือง

เงินอุดหนุนพรรคการเมือง

ในปัจจุบันพรรคการเมืองของไทยพึ่งพารายได้จากภาครัฐเพียงแค่ประมาณ 9% ของรายได้ทั้งหมดของพรรค จัดว่าได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐต่ำคล้ายกับประเทศอิตาลี (0%)[15]ข้อมูลจาก Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. และ อินโดนีเซีย (7%)[16]คำนวณเบื้องต้นจากรายได้จากรัฐใน Najib, A. A. (2023). STRENGTHENING DEMOCRACY THROUGH RECONSTRUCTION OF POLITICAL PARTY FUNDING ARRANGEMENTS IN INDONESIA. Russian Law Journal, 413–421. น. 415 หารด้วยรายได้พรรคการเมืองใน Pratama, H. M., Kahfi Adlan, & Maharddhika. (2021). … Continue reading ซึ่งประเทศในกลุ่มนี้ต่างเผชิญกับสถานการณ์ที่พรรคการเมืองต้องพึ่งพารายได้จากรายใหญ่คล้ายกับไทย โดยทั้งประเทศอิตาลี[17]อ่านเพิ่มเติมกรณีอิตาลีได้ใน Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. น.26-28และอินโดนีเซีย[18]อ่านเพิ่มเติมกรณีอินโดนีเซียได้ Pratama, H. M., Kahfi Adlan, & Maharddhika. (2021). Political Party Finance in Indonesia: A Never Ending Reform. ใน Political Party Finance Reform in Southeast-Asia. the United States Agency for International Development (USAID). ได้รับรายได้จากภาครัฐและรายย่อยไม่เพียงพอ จึงต้องไปแสวงหาแหล่งรายได้ที่มันคงด้วยการพึ่งพาเงินบริจาคจากผู้สมัครที่มีทุนในพรรคเป็นหลัก ส่งผลให้พรรคการเมืองเสี่ยงที่จะถูกครอบงำโดยนักการเมือง (ผู้ให้ทุน) รายใหญ่ในพรรคเพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขัน ในขณะที่พรรคที่ไม่พึ่งพาเงินรายใหญ่ไม่เสี่ยงถูกครอบงำก็ขาดแคลนทรัพยากรจึงเสียเปรียบในการแข่งขัน

ในทางตรงข้าม การได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐมากเกินไปก็ส่งผลให้พรรคการเมืองกลายเป็นองค์กรที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนได้ เช่น ประเทศสเปน[19]อ่านเพิ่มเติมกรณีสเปน Pujas, V., & Rhodes, M. (1998). Party Finance and Political Scandal in Latin Europe [98/10]. European University Institute. น.6-14 (80%)[20]ข้อมูลจาก Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. น.15-16 ในทศวรรษ 1990 โดยหากพรรคการเมืองมีแหล่งรายได้มาจากเงินสนับสนุนของภาครัฐเกือบทั้งหมด จะส่งผลให้พรรคจะปรับแนวทางการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้เข้าเกณฑ์การอุดหนุนของภาครัฐเป็นหลัก เช่น หันไปให้ความสำคัญกับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นหลักเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินอุดหนุนจากภาครัฐในระดับสูง โดยที่พรรคละทิ้งแนวทางการทำหน้าที่เป็นตัวแทนเชิงอุดมการณ์ให้กับฐานเสียง รวมถึงไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบสมาชิกและสาขาพรรคเพื่อสร้างความยึดโยงกับประชาชน นอกจากนี้พรรคใหญ่ๆ ในสภาอาจจับมือกันผูกขาดอำนาจปรับเกณฑ์กติกาทางการเมืองเพื่อไม่ให้พรรคอื่นๆ ขึ้นมาแข่งขันได้[21]อ่านเพิ่มเติมใน สิริพรรณ นกสวน สวัสดี. (2565). พรรคการเมืองกับประชาธิปไตย: ทฤษฎี ความคาดหวัง และความเป็นจริง. ใน วุฒิสาร ตันชัย, ธีรพรรณ ใจมั่น, & … Continue reading เช่น ปรับเกณฑ์การให้เงินจากภาครัฐให้กระจุกตัวที่พรรคใหญ่ที่ครองอำนาจ

กล่าวคือเมื่อเงินสนับสนุนจากภาครัฐกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่สุดของพรรคการเมือง จะส่งผลให้พรรคห่างเหินจากประชาชน ละทิ้งหน้าที่ตัวแทนเชิงอุดมการณ์ของประชาชน และกลายไปเป็นองค์กรแขนขาของภาครัฐแทน[22]ปรากฎการณ์นี้ถูกนิยามว่าเป็นการเกิดขึ้นของโมเดล พรรคการเมืองแบบผูกขาด (Cartel Party) สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ใน Katz, R. S., & Mair, P. (1995). Changing Models of Party Organization and Party Democracy: The … Continue reading พรรคการเมืองจึงไม่ใช่สถาบันการเมืองที่สะท้อนความต้องการที่หลากหลายของประชาชนอีกต่อไป

โดยสรุป หากภาครัฐอุดหนุนเงินให้พรรคการเมืองต่ำไปพรรคการเมืองที่จะแข่งได้ต้องพึ่งนายทุนเสี่ยงเจอปัญหาครอบงำพรรคโดยนายทุน แต่หากสนับสนุนมากไปพรรคขนาดใหญ่จะหวังพึ่งแต่เงินภาครัฐและผูกขาดไม่ปล่อยให้พรรคคู่แข่งอื่นๆ เติบโตได้ ดังนั้นภาครัฐควรให้เงินอุดหนุนแก่พรรคการเมืองในระดับที่ “เพียงพอเป็นทางเลือก” ของพรรค ไม่มากจนทำให้พรรคการเมืองยึดโยงกับภาครัฐ และไม่น้อยจนทำให้พรรคยึดโยงกับนายทุน

ตัวอย่างของการอุดหนุนเงินอย่างเหมาะสมคือประเทศเยอรมนี ที่คิดเป็นร้อยละ 32 ของรายได้พรรคการเมือง ทั้งยังยึดโยงกับเสียงประชาชนและกระจายให้กับพรรคต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม เยอรมนีมีหลักในการออกแบบกลไกสนับสนุนเงินของภาครัฐที่จะไม่ลดทอนแรงจูงใจในการหาเงินสนับสนุนจากประชาชน โดยจะให้เงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองตาม[23]อ่านเพิ่มเติมได้ใน Federal Ministry of the Interior and Community. (ม.ป.ป.). Funding of political partie. The Constitution. https://www.bmi.bund.de/EN/topics/constitution/funding-of-political-parties/funding-of-political-parties-node.html 1) คะแนนเสียงโหวตเลือกพรรคการเมือง (คะแนนละ 0.83 ยูโร) และ 2) เงินบริจาคของผู้บริจาครายย่อย (โดยสมทบเพิ่มให้อีก 45% ของเงินที่รายย่อยบริจาคให้พรรคในจำนวนที่ไม่เกิน 3,300 ยูโร เช่น หากมีผู้บริจาค 1,000 ยูโร ภาครัฐจะสมทบให้เพิ่ม 450 ยูโร) กลไกประเทศเยอรมันออกแบบมีผลทำให้พรรคการเมืองมีรายได้เพียงพอ พรรคยังยึดโยงกับประชาชน และไม่สร้างอุปสรรคกีดกันพรรคตั้งใหม่[24]อ่านเพิ่มเติมกรณีเยอรมันใน Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. น.25-26

เมื่อกลับมาพิจารณาในกรณีของไทย ซึ่งปัจจุบันได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐน้อยเกินไปมาก พรรคการเมืองจึงควรมีรายได้จากรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินจนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินจากรายใหญ่ แต่ยังคงต้องทำกิจกรรมแสวงหาแรงสนับสนุนจากประชาชนเพื่อให้มีรายได้ที่มากขึ้น โดยอาจกำหนดให้พรรคการเมืองมีรายได้ที่มาจากภาครัฐประมาณ 30-40% ของรายได้ ซึ่งจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศเยอรมนีที่พรรคการเมืองมีรายได้ที่มั่นคงแต่ก็ยังยึดโยงกับประชาชน ด้วยเป้าหมายดังกล่าว ภาครัฐควรเพิ่มเงินสนับสนุนให้พรรคการเมืองเป็นประมาณ 550-800 ล้านบาท จากเดิมที่เคยจัดสรรให้กับพรรคการเมือง ในปี 2567 เพียง 140 ล้านบาท[25]ข้อมูลจาก ณัฐพล สงวนทรัพย์. (2567). กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง กกต. เผยยอดเงินอุดหนุนให้แก่พรรคการเมือง ประจำปี 2567 พรรคก้าวไกล … Continue reading

ปรับกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองให้เหมาะสม

กองทุนพัฒนาพรรคการเมือง

ในปัจจุบันภาครัฐอุดหนุนเงินให้พรรคการเมืองผ่านกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ซึ่งกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองจัดสรรเงินให้กับพรรคต่างๆ ผ่านสองกลไกคือ 1) กลไกบริจาคภาษี 55 ล้านบาท และ 2) การจัดสรรด้วยกลไกเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 85 ล้านบาท

การจะเพิ่มเงินสนับสนุนจากภาครัฐสามารถทำได้ผ่านการขยายเงินขาที่กองทุนพัฒนาพรรคการเมืองฯ จัดสรรให้พรรคการเมืองต่างๆ โดยเกณฑ์กองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ซึ่งเกณฑ์ในการจัดสรรได้แบ่งเงินที่ใช้จัดสรรออกเป็นสามส่วน ซึ่งในแต่ละส่วนนั้นเป็นการจัดสรรให้บนหลักการที่แตกต่างกัน คือ[26]มาตรา 83 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

1) แบ่งเงิน 40% จัดสรรให้แต่ละพรรคตามสัดส่วนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ (คะแนนเลือกพรรค) และในกรณีปีที่ไม่ใช่ปีถัดจากการเลือกตั้งจัดสรรให้ตามสัดส่วนเงินบริจาคภาษี[27]กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง. (2567). คู่มือ … Continue reading เพื่ออุดหนุนให้พรรคการเมืองตามการสนับสนุนของประชาชน

2) แบ่งเงิน 40% จัดสรรให้แต่ละพรรคตามสัดส่วนรายได้ที่มาจากเงินบำรุงค่าสมาชิก เพื่ออุดหนุนให้พรรคการเมืองตามการสนับสนุนจากฐานเสียง

3) แบ่งเงิน 20% จัดสรรให้แต่ละพรรคตามสัดส่วนสาขาที่แต่ละพรรคมี เพื่อจูงใจให้พรรคการเมืองขยายองค์กรเชื่อมโยงประชาชนในระดับท้องถิ่น เกณฑ์การจัดสรรเงินของกองทุนฯ ถือว่าสอดคล้องกับความต้องการทางการเมืองของประชาชน และสอดคล้องกับการส่งเสริมให้พรรคเพิ่มจำนวนสมาชิกและสาขาพรรคการเมือง

ด้วยรูปแบบการจัดสรรที่เป็นอยู่ทำให้เงินอุดหนุนไม่ได้เกิดปัญหากระจุกตัวอยู่ที่พรรคใหญ่ ไม่มีปัญหาพรรคใหญ่ผูกขาดได้รับเงินอุดหนุนเหนือกว่าพรรคอื่นจนทำให้พรรคอื่นไม่สามารถแข่งขันได้ โดยจากข้อมูลพบว่า เงินจากกองทุนดังกล่าวได้รับการจัดสรรให้กับพรรคที่ใหญ่ที่สุดสองพรรคเพียง 31% ของเงินที่จัดสรร และให้พรรคใหญ่ที่สุด 10 พรรครวมกันเพียง 55% ของเงินที่จัดสรร[28]คำนวณจากข้อมูลจาก ณัฐพล สงวนทรัพย์. (2567). กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง กกต. เผยยอดเงินอุดหนุนให้แก่พรรคการเมือง ประจำปี 2567 พรรคก้าวไกล … Continue reading

กล่าวคือ หากเพิ่มเงินที่กองทุนฯ จะจัดสรรให้พรรคการเมืองต่างๆ (ตามสัดส่วนสมาชิก คะแนนเสียง และสาขา) จากเดิม 85 ล้านเป็น 800 ล้าน น่าจะทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะพรรคใหญ่หรือพรรคเล็ก มีช่องทางรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพานายทุน

อย่างไรก็ตาม การจัดสรรของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองไปมีปัญหาอยู่ที่ 1) การจัดสรรด้วยกลไกบริจาคภาษียังขาดความเป็นธรรม และ 2) ข้อจำกัดในการใช้จ่ายทำให้เงินที่ได้รับขาดความคล่องตัวจึงจำเป็นต้องแก้ไขกลไกบางประการเพื่อทำให้การจัดสรรเงินของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นกระจายตัวอย่างเป็นธรรม และทำให้พรรคการเมืองสามารถนำไปใช้งานได้จริง

ในเรื่องแรก มาตรการบริจาคภาษีเป็นกลไกกระจายทรัพยากรให้พรรคการเมืองที่ไม่เป็นธรรม มาตรการบริจาคภาษี (อุดหนุนภาษี) คือการให้สิทธิผู้เสียภาษีสามารถนำเงินภาษีที่ตนเสียไปไม่เกิน 500 บาทไปบริจาคให้พรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบ เงินบริจาคภาษีจึงสะท้อนความชอบทางการเมืองของกลุ่มผู้ที่มีรายได้สูงถึงเกณฑ์ภาษีซึ่งมีจำนวนประมาณ 4 ล้านคนเท่านั้น[29]ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.posttoday.com/business/financial/690014 แต่ไม่ได้สะท้อนความชอบทางการเมืองของคนทั้งประเทศ

นอกจากนี้ เงินบริจาคภาษีก้อนนี้ยังถูกนำไปใช้เป็นฐานคำนวณการจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองในปีอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปีหลังเลือกตั้งแทนการใช้ผลคะแนนเลือกพรรคอีกด้วย ส่งผลให้การจัดสรรเงินของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองในบางปีไม่ได้สะท้อนความต้องการทางการเมืองของคนทั้งประเทศ

ดังนั้นหากต้องการทำให้กลไกเงินอุดหนุนภาครัฐสะท้อนเจตจำนงของประชาชนวงกว้าง จึงควรยกเลิกมาตรการอุดหนุนภาษี และหันไปใช้กลไกกองทุนฯ อุดหนุนเงินให้พรรคการเมืองเป็นหลักแทน (โดยปรับไปใช้คะแนนเสียงเลือกพรรคในการคำนวนเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ในทุกๆ ปี)

ในเรื่องสุดท้าย กฎหมายสร้างอุปสรรคไม่ให้พรรคสามารถนำเงินไปใช้ได้สะดวก เนื่องจากตามกฎหมายพรรคการเมืองในปัจจุบัน พรรคสามารถใช้เงินก้อนนี้ได้เพียงแค่ในการหาเสียงเลือกตั้ง การทำกิจกรรมพรรคการเมือง การพัฒนาส่งเสริมความรู้บุคลากรและประชาชน และการทำกิจกรรมที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด[30]มาตรา 84 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยอ่านรายละเอียดที่ กกต. กำหนดเพิ่มเติมได้ที่ กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง. (2567). คู่มือ … Continue reading ซึ่งกฎเกณฑ์ดังกล่าวสร้างข้อจำกัดให้พรรคไม่สามารถใช้เงินที่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐได้อย่างไม่สามารถนำไปใช้จ่ายทั่วไปได้ เช่น ไม่สามารถจ้างพนักงานประจำ ไม่สามารถใช้จ่ายค่าสำนักงานได้ ฯลฯ เพราะฉะนั้นแม้เงินภาครัฐจะมากขึ้น แต่กฎเกณฑ์ที่ซับซ้อนอาจผลักดันให้พรรคการเมืองต้องพึ่งพาเงินทุนจากเอกชนรายใหญ่อยู่ดี ดังนั้นเพื่อทำให้พรรคการเมืองสามารถนำเงินมาใช้จ่ายได้สะดวก ควรเปิดให้พรรคใช้เงินก้อนนี้เพื่อการใช้จ่ายทั่วไปได้ด้วย[31]อ่านข้อเสนอเพิ่มเติมได้ที่ อรรถสิทธิ์ พานแก้ว & ณัชชาภัทร อมรกุล. (2564). การเงินพรรคการเมืองไทย: ข้อมูลการสำรวจและข้อเสนอแนะ. สถาบันพระปกเกล้า. … Continue reading

ลดเพดานรายใหญ่ เพิ่มลดหย่อนรายย่อย

ลดเงินบริจาครายใหญ่

เมื่อภาครัฐสนับสนุนเงินให้พรรคการเมืองสูงขึ้นแล้ว การผลักดันมาตรการลดการพึ่งพาเงินจากนายทุนจึงเป็นไปได้มากขึ้น เริ่มต้นจากการลดเพดานเงินบริจาคลง โดยในปัจจุบันกฎหมายกำหนดเพดานที่บุคคลสามารถบริจาคได้ไว้ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงและคิดเป็นถึง 15% ของรายได้พรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเพื่อไทย (ข้อมูลปี 2565) เพดานเงินที่มูลค่าดังกล่าวเปิดช่องให้ผู้บริจาครายใหญ่ไม่กี่รายสามารถบริจาคเงินในระดับที่สร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้กับพรรคการเมืองได้ นอกจากนี้เพดาน 10 ล้านบาทยังถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ อย่างในประเทศในยุโรป[32]ข้อมูลจาก Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. น.20ที่มีค่าเฉลี่ยของเพดานอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท (53,000 ยูโร) ประเทศญี่ปุ่น[33]ข้อมูลจาก France, G. (2023). Limits on political donations: Global practices and its effectiveness on political integrity and equality. Transparency International.ที่ประมาณ 4.57 ล้านบาท (20 ล้านเยน) ประเทศอิตาลี[34]เรื่องเดียวกันที่ประมาณ 4 ล้านบาท (100,000 ยูโร) และประเทศฝรั่งเศส[35]เรื่องเดียวกันที่ประมาณ 3 แสนบาท (7,500 ยูโร)

การลดเพดานเงินบริจาคลงมาจะช่วยลดอิทธิพลของผู้บริจาครายใหญ่ลง แต่ก็ต้องไม่ลดเพดานลงมาจนต่ำเกินไปจนส่งผลให้พรรคการเมืองขาดรายได้และต้องแสวงหาเงินบริจาคนอกระบบอันทำให้ไม่สามารถตรวจสอบสถานะทางการเมืองของพรรคการเมืองได้ ดังนั้นเพดานที่เหมาะสมที่สุดควรลงมาอยู่ที่ 1 ล้านบาท

นอกจากนี้ การควบคุมการบริจาคของนิติบุคคลที่มีสัญญาสัมปทานภาครัฐก็เป็นอีกสิ่งจำเป็น โดยกฎหมายควบคุมการบริจาคเงินของไทยห้ามรับบริจาคครอบคลุมแค่นิติบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทยและนิติบุคคลของภาครัฐเท่านั้น[36]มาตรา 74 75 และ 76 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ช่องว่างทางกฎหมายนี้อาจส่งผลให้นิติบุคคลที่มีสัญญาสัมปทานจากภาครัฐใช้การบริจาคเงินเพื่อจูงใจให้พรรคการเมืองดำเนินนโยบายทำสัญญาที่เอื้อประโยชน์ต่อตนได้ ดังนั้นในหลายประเทศจึงมีกฎหมายห้ามรับบริจาคจากธุรกิจที่มีสัญญาสัมปทานจากภาครัฐ[37]อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Hamada, Y., & Agrawal, K. (2021). Comparative Overview of Political Finance Systems in Indonesia, Malaysia, the Philippines and Timor-Leste: The regional context and the way forward. ใน Political Party Finance Reform in Southeast-Asia. USAID & Perludem & IDEA. น. 6-7 และในกรณีของไทยเองก็ควรออกกฎห้ามรับบริจาคจากธุรกิจที่มีผลประโยชน์จากภาครัฐด้วยเช่นกัน

และนอกจากการลดการบริจาคจากรายใหญ่ลงแล้ว ก็ควรส่งเสริมให้รายย่อยบริจาคเงินให้พรรคการเมืองมากขึ้นเช่นกัน เพื่อทำให้พรรคการเมืองมีแหล่งรายได้มาจากการสนับสนุนของประชาชนคนทั่วไปมากขึ้น

โดยแนวทางแรกคือ ควรเพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีในกรณีบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ซึ่งการลดหย่อนภาษีเป็นมาตรการแบบหนึ่งที่จูงใจให้คนมาบริจาคมากขึ้น ในปัจจุบันบุคคลธรรมดาสามารถนำเงินบริจาคให้พรรคการเมืองมาขอลดหย่อนภาษีได้เพียงไม่เกิน 10,000 บาทต่อคนต่อปี[38]มาตรา 47(ฎ) ประมวลรัษฎากร  การแก้ไขเพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีให้สูงขึ้นเป็น 100,000 บาทต่อคนต่อปีสามารถเป็นแนวทางสร้างแรงจูงใจให้คนทั่วไปบริจาคมากขึ้น

แนวทางต่อมา คือการเปิดให้พรรคการเมืองสามารถระดมทุนขายของออนไลน์ได้ ซึ่งในปัจจุบัน ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง[39]สำนักกิจการพรรคการเมือง. (2564). คู่มือการเงินและบัญชีของพรรคการเมือง. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง.น.4 อนุญาตให้พรรคการเมืองสามารถระดมทุนได้เฉพาะที่ทำการพรรคและตามสาขาพรรค แต่ไม่สามารถระดมทุนผ่านช่องทางออนไลน์ได้[40]กรณี กกต. สั่งห้ามอนาคตใหม่ระดมทุนออนไลน์ โดยให้ขายของระดมทุนได้ที่ตั้งสำนักงานสาขาพรรคการเมือง บริเวณสถานที่จัดกิจกรรมระดมทุน … Continue reading ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลจากสาขาพรรคต้องเดินทางไปที่พรรคเพื่อจะสนับสนุนพรรคที่ตนชอบ ดังนั้นภาครัฐควรแก้กฎหรืออนุญาตให้ระดมทุนขายของออนไลน์ได้ เพิ่มความสะดวกให้ประชาชนสามารถสนับสนุนพรรคที่ตนชื่นชอบได้ง่ายขึ้น

ปฏิรูปพรรคการเมือง เรื่องใหญ่กว่าแค่เรื่องเงิน

ประเทศไทยในปัจจุบันเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่สร้างผลกระทบต่อคนจำนวนมหาศาล ปัญหาเหล่านี้ต้องการนโยบายที่แหลมคมเข้ามาจัดการ และพรรคการเมืองคือองค์กรที่เป็นความหวังของสังคมที่จะเป็นผู้ผลิตนโยบายที่ตอบโจทย์แก้ปัญหาให้สังคมไทยได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตามหากพรรคการเมืองอ่อนแอ ขาดความเป็นสถาบัน ไร้ศักยภาพความสามารถ ไม่ยึดโยงกับประชาชน พรรคนั้นก็จะไม่สามารถผลิตและผลักดันนโยบายที่จำเป็นให้กับสังคมไทยได้

การแก้ไขปัญหาที่มาการเงินของพรรคการเมืองเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้พรรคการเมืองยึดโยงกับประชาชนได้มากขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะทำให้พรรคการเมืองมีเส้นทางทางการเงินที่ยึดโยงกับประชาชนแล้วก็ยังไม่เพียงพอ เพราะยังมีประเด็นท้าทายอีกจำนวนมากที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎกติการการเลือกตั้ง ข้อบังคับเรื่องสมาชิกพรรค ความเป็นประชาธิปไตยในพรรค และอีกมากมาย ซึ่งประเด็นเหล่านี้ต่างมีนัยสำคัญต่อความเข้มแข็งของพรรคการเมืองทั้งสิ้น

หากต้องการให้พรรคการเมืองของไทยเข้มแข็งเป็นรากฐานที่มั่นคงให้กับประชาธิปไตยของไทย ย่อมจำเป็นต้องมีมาตรการที่เกี่ยวข้องควบคู่ไปกับการปรับปรุงเรื่องรายได้พรรคการเมืองด้วย

References
1 อ่านเพิ่มเติมได้ใน https://www.infoquest.co.th/2023/276182
2 อ่านเพิ่มเติมได้ใน https://workpointtoday.com/ffp-37/
3 อ่านเพิ่มเติมได้ใน https://themomentum.co/report-political-make-poor-people/
4 สิริพรรณ นกสวน สวัสดี. (2565). พรรคการเมืองกับประชาธิปไตย: ทฤษฎี ความคาดหวัง และความเป็นจริง. ใน วุฒิสาร ตันชัย, ธีรพรรณ ใจมั่น, และ สติธร ธนานิธิโชติ, พิศพรรคการเมือง: หลากมุมมองหลายประเทศ (น. 1–31). สถาบันพระปกเกล้า.
5 มาตรา 33 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดให้พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 5,000-10,000 คนตามระยะเวลาทำการของพรรค และต้องจัดตั้งสาขาพรรคให้ครอบใน 4 ภูมิภาคมิเช่นนั้นจะสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมือง
6 โดยใช้ข้อมูลรายได้พรรคการเมือง 10 พรรคที่ได้ที่นั่งในสภามากที่สุดปี 2565 ที่เปิดเผยในเว็บ กกต. https://www.ect.go.th/ect_th/th/financial-statements-of-political-parties/ ซึ่งข้อมูลที่เปิดเผยมีข้อจำกัดที่อาจจะไม่ครอบคลุมรายได้ทั้งหมดที่พรรคการเมืองได้รับจริง ๆ เช่น ตามข่าวแล้วประชาธิปัตย์ระดมทุนได้สูงถึง 210 ล้านบาท https://www.prachachat.net/politics/news-896235 แต่ตามบันทึกประชาธิปัตย์มีรายได้จากการระดมทุนเพียง 85.6 ล้านบาท
7 สามารถดูข้อมูลสรุปรายได้รายพรรคที่รวบรวมจากที่เว็บไซต์ กกต. เปิดเผยได้จาก  https://docs.google.com/spreadsheets/d/1ezEjEwcMhWrtIJ-qRCa68w6dLDPiUcKherFGxu2tmpE/edit?gid=0#gid=0
8 คำนวณจากข้อมูลผู้บริจาคเงินตั้งแต่ 5,000 บาทเป็นต้นไปในช่วง มกราคม 2565 จนถึง พฤษภาคม 2566 (+เพราะอะไรถึงต้องเป็นช่วงนี้?) โดยช่วงนี้เป็นช่วงที่แต่ละพรรคต้องเตรียมความพร้อมเพื่อจะลงแข่งขันในการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2566 เนื่องจากรัฐบาลประยุทธ์ 2 จะหมดวาระช้าที่สุดไม่เกินกลางปี 2566 https://www.ect.go.th/ect_th/th/db_119_ect_th_download_22/
9 ผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นที่เป็นคนในพรรคของพรรคก้าวไกลได้แก่ คุณอนันต์ ชัยสุริยเทพกุล (5.5 ล้านบาท) คุณพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ (5.4 ล้านบาท) ในขณะที่ของเพื่อไทยได้แก่ คุณพิชัย นริพทะพันธุ์ (12 ล้านบาท) คุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล (9 ล้านบาท) คุณวราวุธ ยันต์เจริญ (6 ล้านบาท) ในขณะที่ของรวมไทยสร้างชาติได้แก่ คุณดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง (10 ล้านบาท)
10 ผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างของพรรคภูมิใจไทยได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด น้ำก่ำก่อสร้าง (10 ล้านบาท) บริษัท ไรท์แมน จำกัด (9.8 ล้านบาท) ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีรัมย์พนาสิทธิ (7.2 ล้านบาท) ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัค (6 ล้านบาท)
11 ผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นบริษัทที่มีรายได้ไม่สอดคล้องกับทุนจดทะเบียนในช่วงก่อนการบริจาคได้แก่ บริษัท พาร์คเลน แคปิตัล จำกัด (10 ล้านบาท) บริษัท เอทีแลนด์ จำกัด (10 ล้านบาท)
12 ผู้บริจาครายใหญ่โดดเด่นของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นนักธุรกิจได้แก่  คุณจีระศักดิ์ โกมุทกุล (10 ล้านบาท) คุณโชติ โสภณพนิช (10 ล้านบาท) บริษัท รักษาความปลอดภัย ทีเอสจี จำกัด (6 ล้านบาท)
13 อ่านเพิ่มเติมได้ที่ อรรถสิทธิ์ พานแก้ว & ณัชชาภัทร อมรกุล. (2564). โครงการศึกษาและพัฒนาระบบการเงินของพรรคการเมือง. สถาบันพระปกเกล้า. น.57
14 เรื่องเดียวกันหน้าเดียวกัน
15 ข้อมูลจาก Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament.
16 คำนวณเบื้องต้นจากรายได้จากรัฐใน Najib, A. A. (2023). STRENGTHENING DEMOCRACY THROUGH RECONSTRUCTION OF POLITICAL PARTY FUNDING ARRANGEMENTS IN INDONESIA. Russian Law Journal, 413–421. น. 415 หารด้วยรายได้พรรคการเมืองใน Pratama, H. M., Kahfi Adlan, & Maharddhika. (2021). Political Party Finance in Indonesia: A Never Ending Reform. ใน Political Party Finance Reform in Southeast-Asia. the United States Agency for International Development (USAID). น. 48
17 อ่านเพิ่มเติมกรณีอิตาลีได้ใน Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. น.26-28
18 อ่านเพิ่มเติมกรณีอินโดนีเซียได้ Pratama, H. M., Kahfi Adlan, & Maharddhika. (2021). Political Party Finance in Indonesia: A Never Ending Reform. ใน Political Party Finance Reform in Southeast-Asia. the United States Agency for International Development (USAID).
19 อ่านเพิ่มเติมกรณีสเปน Pujas, V., & Rhodes, M. (1998). Party Finance and Political Scandal in Latin Europe [98/10]. European University Institute. น.6-14
20 ข้อมูลจาก Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. น.15-16
21 อ่านเพิ่มเติมใน สิริพรรณ นกสวน สวัสดี. (2565). พรรคการเมืองกับประชาธิปไตย: ทฤษฎี ความคาดหวัง และความเป็นจริง. ใน วุฒิสาร ตันชัย, ธีรพรรณ ใจมั่น, & สติธร ธนานิธิโชติ, พิศพรรคการเมือง: หลากมุมมองหลายประเทศ (น. 1–31). สถาบันพระปกเกล้า. น. 9-10
22 ปรากฎการณ์นี้ถูกนิยามว่าเป็นการเกิดขึ้นของโมเดล พรรคการเมืองแบบผูกขาด (Cartel Party) สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ใน Katz, R. S., & Mair, P. (1995). Changing Models of Party Organization and Party Democracy: The Emergence of the Cartel Party. Party Politics, 1(1), 5–28.
23 อ่านเพิ่มเติมได้ใน Federal Ministry of the Interior and Community. (ม.ป.ป.). Funding of political partie. The Constitution. https://www.bmi.bund.de/EN/topics/constitution/funding-of-political-parties/funding-of-political-parties-node.html
24 อ่านเพิ่มเติมกรณีเยอรมันใน Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. น.25-26
25 ข้อมูลจาก ณัฐพล สงวนทรัพย์. (2567). กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง กกต. เผยยอดเงินอุดหนุนให้แก่พรรคการเมือง ประจำปี 2567 พรรคก้าวไกล ได้รับการจัดสรรมากที่สุด 52.49 ล้านบาท. สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา. https://www.tpchannel.org/news/24485
26 มาตรา 83 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
27 กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง. (2567). คู่มือ การจัดสรรและการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของพรรคการเมืองที่ได้รับจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองประจำปี พ.ศ. 2567. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. น. 7-8
28 คำนวณจากข้อมูลจาก ณัฐพล สงวนทรัพย์. (2567). กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง กกต. เผยยอดเงินอุดหนุนให้แก่พรรคการเมือง ประจำปี 2567 พรรคก้าวไกล ได้รับการจัดสรรมากที่สุด 52.49 ล้านบาท. สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา. https://www.tpchannel.org/news/24485
29 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.posttoday.com/business/financial/690014
30 มาตรา 84 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยอ่านรายละเอียดที่ กกต. กำหนดเพิ่มเติมได้ที่ กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง. (2567). คู่มือ การจัดสรรและการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของพรรคการเมืองที่ได้รับจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองประจำปี พ.ศ. 2567. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. น. 14-22
31 อ่านข้อเสนอเพิ่มเติมได้ที่ อรรถสิทธิ์ พานแก้ว & ณัชชาภัทร อมรกุล. (2564). การเงินพรรคการเมืองไทย: ข้อมูลการสำรวจและข้อเสนอแนะ. สถาบันพระปกเกล้า. น.111-112
32 ข้อมูลจาก Reed, Q., Jouan Stonestreet, B., Devrim, D., Krieger, T., Kubekova, V., Blomeyer, R., & Heinemann, F. (2021). Financing of political structures in EU Member States. Policy Department for Budgetary Affairs, European Parliament. น.20
33 ข้อมูลจาก France, G. (2023). Limits on political donations: Global practices and its effectiveness on political integrity and equality. Transparency International.
34, 35 เรื่องเดียวกัน
36 มาตรา 74 75 และ 76 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
37 อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Hamada, Y., & Agrawal, K. (2021). Comparative Overview of Political Finance Systems in Indonesia, Malaysia, the Philippines and Timor-Leste: The regional context and the way forward. ใน Political Party Finance Reform in Southeast-Asia. USAID & Perludem & IDEA. น. 6-7
38 มาตรา 47(ฎ) ประมวลรัษฎากร
39 สำนักกิจการพรรคการเมือง. (2564). คู่มือการเงินและบัญชีของพรรคการเมือง. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง.น.4
40 กรณี กกต. สั่งห้ามอนาคตใหม่ระดมทุนออนไลน์ โดยให้ขายของระดมทุนได้ที่ตั้งสำนักงานสาขาพรรคการเมือง บริเวณสถานที่จัดกิจกรรมระดมทุน บริเวณสถานที่จัดประชุมใหญ่ของพรรคประจำปี สาขาพรรค หรือที่ทำการพรรคการเมืองประจำจังหวัด เท่านั้น https://www.khaosod.co.th/politics/news_1823584

อินโฟกราฟฟิก

สร้างสรรค์ภาพ

วนา ภูษิตาศัย

บทความที่เกี่ยวข้อง

แค่เบิกจ่ายงบลงทุนที่วางไว้ เศรษฐกิจก็โตได้ไม่ต้องรอกระตุ้น?

101 PUB ชวนสำรวจปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบฯ 2024 ล่าช้าโดยเฉพาะงบลงทุน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และพิจารณาสาเหตุที่ทำให้งบลงทุนเบิกช้า

ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง: ออกแบบอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด?

101 PUB ชวนสำรวจว่าทำไมธนาคารกลางควรเป็นอิสระจากรัฐบาล ? ราคาที่สังคมต้องจ่ายคืออะไร ? และจะทำอย่างให้ธนาคารกลางยึดโยงกับประชาชน

ชายแดน เมืองหลวง สองขั้วปัญหาเด็กหลุดระบบการศึกษาไทย

ชายแดน/เมืองหลวง: สองขั้วปัญหาเด็กหลุดระบบการศึกษาไทย

เด็กไทยหลุดจากระบบการศึกษา 1 ล้านคน ปัญหารุนแรงที่สุดในพื้นที่ชายแดนติดเทือกเขาสูง และในใจกลางเมืองหลวงของประเทศ

1

101 Public Policy Think Tank
ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง

ศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะไทยในบริบทโลกใหม่ สร้างสรรค์ความรู้ด้านนโยบายสาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มพลังให้ประชาชนสามารถตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และสังคม

Copyright © 2024 101pub.org | All rights reserved.