หน่วงแค่โจร ไม่หน่วงเศรษฐกิจ: แนวทางลดลูกหลงของ ‘มาตรการหน่วงเงิน’

ข่าวนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ปลอมเสียงเป็นผู้นำต่างชาติเพื่อหลอกให้โอนเงินบริจาค กลายเป็นข่าวใหญ่ที่หลายคนให้ความสนใจรับปี 2568[1]https://www.thairath.co.th/news/politic/2836244 ความกล้าท้าทายอำนาจรัฐของแก๊งคอลเซนเตอร์กลุ่มนี้นอกจากจะเป็นการลูบคมรัฐบาลแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ในไทยระบาดไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ไล่ตั้งแต่ตาสีตาสาชาวบ้านไปจนถึงผู้มีอำนาจในสังคม กล่าวได้ว่าทุกคนในสังคมต่างมีโอกาสตกเป็นเหยื่อหลอกลวงออนไลน์กันอย่างเสมอหน้า

หลายฝ่ายในสังคมจึงเรียกร้องให้ภาครัฐและเอกชนมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์ออนไลน์ไปมากกว่านี้ และหนึ่งในมาตรการที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ผลักดันคือให้มีการนำ ‘มาตรการหน่วงเงิน’ (Delayed Payment) มาใช้ชะลอธุรกรรมเพื่อรอการตรวจสอบ

มาตรการหน่วงเงินจะช่วยยับยั้งไม่ให้ประชาชนถูกหลอกได้จริงไหม และอีกด้านมาตรการนี้อาจสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างไร แล้วเราจะสามารถออกแบบมาตรการหน่วงเงินอย่างไรให้สามารถแก้ปัญหาสแกมเมอร์ออนไลน์ได้ตรงจุดโดยสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยลง 101 PUB ชวนไปขบคิดเรื่องเหล่านี้

หน่วงเงิน เครื่องมือป้องกันการถูกหลอกให้โอนเงิน

ในปัจจุบัน การหลอกลวงออนไลน์ยังคงเป็นภัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญในสังคมไทย โดยยอดรวมมูลค่าความเสียหายและจำนวนคดีการฉ้อโกงออนไลน์ในปี 2567 ยังคงสูงขึ้นจากปีก่อน[2]https://www.thansettakij.com/business/economy/616695 สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลไทยต้องผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อยับยั้งไม่ให้คนไทยตกเป็นเหยื่อจากการถูกหลอกลวง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาภาครัฐผลักดันมาตรการป้องกันการหลอกลวงประเภท ‘ยึดบัญชีแล้วโอนเงิน’ (Account Takeover – ATO โดยมิจฉาชีพเจาะช่องว่างของระบบการทำธุรกรรมแล้วบังคับให้เหยื่อโอนเงิน โดยที่เหยื่อไม่ได้เต็มใจโอนเงิน ตัวอย่างเช่น แอปดูดเงิน)[3]รัฐไทยเข้มงวดในการป้องกันการหลอกลวงประเภทแอปดูดเงิน (เหยื่อไม่ได้เป็นผู้โอนเงินให้มิจฉาชีพ) โดยมีมาตรการทั้งการแสกนใบหน้าหากโอนเงิน 50,000 … Continue reading แต่กลับยังไม่ได้มีมาตรการป้องกันการถูกหลอกลวงประเภท ‘หลอกให้โอนเงิน’ (Authorized Pushed Payment – APP มิจฉาชีพกล่อมเกลาหลอกลวงให้เหยื่อเข้าใจผิดและโอนเงินมาให้มิจฉาชีพด้วยตัวของเหยื่อเอง ตัวอย่างเช่น การหลอกให้ลงทุนปลอม) มากนัก ทั้งที่การหลอกลวงประเภทนี้สร้างความเสียหายเกินกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าความเสียหายจากการถูกหลอกลวงทั้งหมด[4]https://101pub.org/how-to-combat-scam/ โดยในการหลอกลวงประเภทนี้ มิจฉาชีพใช้วิธีการกระตุ้นอารมณ์ทำให้เหยื่อสับสนประกอบกับการเร่งรัดเวลาให้เหยื่อรีบตัดสินใจ เช่น แก๊งคอลเซนเตอร์โทรมาขู่ว่าเหยื่อทำผิดกฎหมายและเร่งให้เหยื่อรีบโอนเงินมาให้ตรวจสอบ ส่งผลให้เหยื่อจำนวนมากคิดไม่ทันและพลาดท่าโอนเงินให้กับมิจฉาชีพ

นอกจากนี้ ในภาพรวมระดับโลก การหลอกลวงประเภท ‘หลอกให้โอนเงินด้วยตัวเอง’ (APP) มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว[5]https://www.businesswire.com/news/home/20241120169302/en/ACI-Worldwide-Scamscope-Projects-APP-Scam-Losses-to-Hit-7.6-Billion-by-2028#:~:text=The%20Scamscope%20report%20projects%20that,APP%20scam%20values%20by%202028. โดยมิจฉาชีพมีการนำเทคโนโลยี AI และ Deepfake (เทคโนโลยีที่ใช้ AI ปลอมหน้าและเสียง) มาเป็นเครื่องมือเสริมที่ทำให้กระบวนการหลอกลวงยิ่งแนบเนียนมากขึ้น

กรณีนายกแพทองธารเองที่ (เกือบ) โดนหลอกจากเทคโนโลยี Deepfake ที่มิจฉาชีพใช้ ก็ถูกนับเป็นประเภทการ ‘หลอกให้โอนเงิน’ หากในวันนั้นนายกฯ เผลอโอนเงินไป ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เงินคืนจากมิจฉาชีพ[6]รัฐไทยสามารถอายัดเงินคืนได้ทันเพียง 11.04% ของมูลค่าความเสียหาย https://www.thansettakij.com/business/economy/616695 และรัฐบาลไทยเองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะให้ภาคเอกชนช่วยรับผิดชอบความเสียหายในกรณีที่เหยื่อสมัครใจโอนเงินให้มิจฉาชีพด้วย

ภาครัฐจึงควรมีมาตรการบางอย่างที่จะช่วยป้องกันไม่ให้การหลอกลวงประเภท ‘การหลอกให้โอนเงิน’ ระบาดสร้างความสูญเสียกับประชาชนชาวไทยไปมากกว่านี้

‘มาตรการหน่วงเงิน’ (Delayed Payment) จึงได้รับความสนใจจากหลายฝ่ายว่าจะเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยให้ประชาชนถูกหลอกจากประเภทหลอกให้โอนเงินน้อยลง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะผลักดันธนาคารชะลอการโอนเงินออนไลน์ไว้ก่อนระยะเวลาหนึ่ง โดยธนาคารจะมีการแจ้งบัญชีปลายทางเป็นเครดิตหรือข้อความว่าจะมีคนโอนเงินเข้ามาแต่อยู่ระหว่างตรวจสอบ มาตรการหน่วงเงินจะช่วยยืดเวลาให้ตัวผู้โอน (เหยื่อ) มีเวลาในการตั้งสติ คิด และปรึกษาคนใกล้ตัว ระหว่างที่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวง รวมถึงมีเวลาให้สถาบันการเงินตรวจสอบความผิดปกติของธุรกรรมก่อนจะอนุมัติจ่ายให้บัญชีปลายทาง

‘ปลอดภัย’ VS ‘สะดวก’ โจทย์ใหญ่ของการสู้แสกมเมอร์

ถึงแม้ว่ามาตรการหน่วงเงินจะทำให้ทั้งตัวผู้โอนและสถาบันการเงินมีเวลาในการตรวจสอบความปลอดภัยของธุรกรรม แต่มันก็สร้างต้นทุนทางธุรกรรม (Transaction Cost) ที่ทำให้เกิดอุปสรรคในการค้า เช่น

  • ความเชื่อมั่นในการซื้อขายลดลง ในโลกแห่งการซื้อขาย ไม่ได้มีเพียงผู้ซื้อเท่านั้นที่กลัวว่าจ่ายเงินไปแล้วผู้ขายจะบิดไม่ส่งของมาให้ ตัวผู้ขายเองก็กลัวว่าผู้ซื้อจะบิดไม่จ่ายเงินเมื่อได้ของแล้วเช่นกัน ซึ่งการหน่วงเงินเองสร้างความกังวลให้กับผู้ขายเนื่องจากจะยังไม่ได้เงินทันทีถึงแม้ว่าผู้ซื้อจะโอนเงินแล้ว (ถึงแม้จะได้รับข้อความแจ้งจากสถาบันการเงินก็อาจยังไม่มั่นใจ) หากจะรอให้เงินเข้าก่อนแล้วค่อยส่งสินค้าก็อาจจะไม่ทันท่วงที การบังคับใช้มาตรการหน่วงเงินจึงสร้างความไม่แน่นอนในการซื้อขายและอาจทำให้ธุรกรรมช่องทางออนไลน์เกิดขึ้นน้อยลง
  • ทำให้ธุรกิจมีกระแสเงินสดที่ลดลง ในปัจจุบันระบบทางการเงินของไทยพัฒนามาอยู่ในระดับที่การทำธุรกรรมเกิดขึ้นฉับพลัน (Real-time Payment) ผู้ประกอบการที่ใช้บริการทางการเงินออนไลน์จึงมีความเคยชินกับการซื้อขายที่ได้รับเงินทันที เมื่อผู้ประกอบการขายของได้แล้วจะสามารถนำเงินไปลงทุนเติมสต๊อกของได้จำนวนพอดีกับที่ขายไป นำไปชำระหนี้ตัดดอกได้ทันที รวมถึงนำไปหมุนใช้จ่ายในครัวเรือนได้อย่างยืดหยุ่น แต่หากขายของไปแล้วได้เงินช้าลง (ถูกหน่วง) ผู้ประกอบการจะเผชิญกับความยุ่งยากในการดำเนินธุรกิจ ต้องวางแผนการใช้จ่ายทางการเงินล่วงหน้าซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในขณะนั้น รวมถึงต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้ที่มากขึ้นจากการนำเงินไปชำระหนี้ได้ช้าลง

โจทย์ใหญ่ของการผลักดันมาตรการหน่วงเงิน จึงเป็นการสร้างสมดุลว่าจะทำอย่างไรให้ธุรกรรมทางการเงินในระบบปลอดภัยมากขึ้น โดยที่ไม่สร้างผลกระทบต่อเนื่องทำให้เกิดอุปสรรคทางการค้ามากเกินไป

หน่วงให้ถูกเป้า ลดคนโดนลูกหลง

เป้าหมายใหญ่ในการออกแบบมาตรการหน่วงเงินจึงอยู่ที่ว่า “จะทำอย่างไรให้มีจำนวนธุรกรรมที่ถูกบังคับให้หน่วงน้อยที่สุด โดยที่ธุรกรรมที่ถูกบังคับให้หน่วงต้องเป็นธุรกรรมที่มีแนวโน้มสูงว่าผู้โอนเงินจะถูกหลอก” หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือจะทำอย่างไรให้การหน่วงเงินสามารถมุ่งเป้าไปที่ธุรกรรมที่เสี่ยงจริงได้ตรงจุด ซึ่งหากบังคับใช้การหน่วงเงินได้ถูกจุดเฉพาะกับธุรกรรมที่เสี่ยงจริง นอกจากจะทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจลดลงแล้ว ยังทำให้ตัวสถาบันการเงินมีศักยภาพในการตรวจสอบธุรกรรมที่เสี่ยงได้ละเอียดมากขึ้นด้วย ซึ่งวิธีการออกแบบเงื่อนไขเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจสามารถทำได้สองแนวทาง ได้แก่

  • ตั้งค่าบนฐานของผู้โอน

ในแนวทางแรก เงื่อนไขการถูกหน่วงเงินจะถูกออกแบบบนฐานที่ผู้โอนสามารถกำหนดได้ว่าธุรกรรมใดที่จะถูกหน่วงเงิน ผู้โอนและผู้รับโอนจึงสามารถคาดเดาได้ว่าธุรกรรมใดจะสามารถโอนได้ทันทีและธุรกรรมแบบใดที่ต้องรอเวลา ทำให้ผู้โอนและผู้รับโอนสามารถวางแผนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องได้ ได้แก่

การกำหนดธุรกรรมขั้นต่ำที่ต้องหน่วง: ที่ผ่านมาเมื่อมิจฉาชีพหลอกลวงให้เหยื่อตายใจหรืออยู่ในสภาวะสับสนแล้ว มิจฉาชีพต้องเร่งรัดให้เหยื่อโอนเงินมาให้มากที่สุด เหยื่อจำนวนมากจึงสูญเสียเงินมหาศาลจากความผิดพลาดเพียงชั่ววูบ หากผลักดันให้สถาบันการเงินหน่วงเฉพาะธุรกรรมมูลค่าสูง (รวมถึงกรณีที่ทำหลายธุรกรรมแต่มูลค่ารวมจำนวนมากในหนึ่งวัน) จะทำให้เหยื่อมีโอกาสสูญเสียเงินครั้งเดียวก้อนใหญ่ลดลง ในขณะเดียวกัน ผลกระทบจากการหน่วงเงินจะลดลง เนื่องจากการโอนเงินมูลค่าไม่สูงมากสามารถสั่งจ่ายได้ทันที การตั้งมูลค่าธุรกรรมขั้นต่ำที่ต้องหน่วงจึงลดผลกระทบต่อการค้าขายในระดับรากหญ้า

ในช่วงที่ผ่านมา ‘สภาองค์กรของผู้บริโภค’ ได้พยายามผลักดันให้มีมาตรการหน่วงเงินกรณีธุรกรรม โดยตั้งเงื่อนไขให้ธุรกรรมที่จะถูกหน่วงต้องมีมูลค่าตั้งแต่ 10,000 บาทเป็นต้นไป และหน่วงเป็นเวลา 24 ชั่วโมง[7]https://www.tcc.or.th/scammer-65-67/ โดยจะผลักดันให้เป็นมาตรการทางเลือกที่ผู้โอนสามารถเลือกที่จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้[8]https://www.tcc.or.th/slow-payment/ เพื่อลดจำนวนธุรกรรมที่จะถูกหน่วง

ปลายทางเป็นบัญชีใหม่: ในกรณีผู้โอนและผู้รับโอนรู้จักเคยทำธุรกรรมมาอย่างต่อเนื่องก็อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหน่วงเงินแม้ว่ามูลค่าธุรกรรมจะสูงเกิน 10,000 บาท ดังนั้นหากหน่วงเงินเฉพาะบัญชีปลายทางเป็นบัญชีใหม่ที่ผู้โอนไม่เคยโอนให้มาก่อน[9]ในรายละเอียดอาจต้องป้องกันกรณีมิจฉาชีพจะหาวิธีหลอกให้โอนเงินก้อนเล็กมาก่อน เช่น บัญชีที่ไม่เคยโอนเงินให้ถึง 10,000 บาทนับเป็นบัญชีใหม่ หรือ … Continue reading ก็อาจจะช่วยทำให้การโอนเงินระหว่างคู่ค้าที่ทำธุรกรรมกันมาอย่างต่อเนื่องจนไว้ใจกันไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการหน่วงเงินได้เช่นกัน

  • ตั้งค่าด้วยข้อมูลหลังบ้าน

ในอีกแนวทางหนึ่ง ทางสถาบันทางการเงินเองมีข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ในการระบุว่าธุรกรรมใดที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นการหลอกลวงหรือระบุว่าบัญชีใดถูกใช้งานโดยมิจฉาชีพ หากสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้จะช่วยทำให้ ‘มาตรการหน่วงเงิน’ มีความแม่นยำสร้างผลกระทบต่อธุรกรรมอื่นๆ ทั่วไปลดลง

พฤติกรรมก่อนโอนเงิน และธุรกรรมต้องสงสัย: แนวทางหนึ่งที่สามารถตรวจสอบความเสี่ยงที่เข้าข่ายการถูกหลอกลวงคือพิจารณาจากพฤติกรรมระหว่างทำการโอนเงิน ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมตัวเป็นตำรวจมาขู่ให้เหยื่อโอนเงินมาให้ตรวจสอบ เหยื่อมักจะมีพฤติกรรมการใช้งานแอปบัญชีธนาคารอย่างรีบเร่งผิดปกติ (เพราะกลัวจะถูกดำเนินคดี) ธนาคารในออสเตรเลียจึงหันมาใช้ระบบที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่บ่งชี้ว่าผู้โอนเงินอาจมีสภาวะความกังวลที่เกิดจากการถูกกล่อมเกลาโดยสแกมเมอร์[10]https://www.biocatch.com/blog/scam-safe-banking-searching-for-clues-in-both-victim-and-recipient-behavior ซึ่งช่วยชี้ได้ว่าธุรกรรมใดมีแนวโน้มเกิดขึ้นจากการถูกมิจฉาชีพหลอกได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้สถาบันการเงินมีแนวทางในการแทรกแซง (หน่วงเงิน) ได้ทันท่วงที

นอกจากนี้ ในกรณีสถาบันทางการเงินในสหราชอาณาจักรเองก็มีการกำหนดหลักเกณฑ์บางอย่างเพื่อบ่งชี้ว่าธุรกรรมใดมีความเสี่ยงสูงที่ควรจะถูกหน่วงเงิน (Delayed Transaction)[11]https://www.grantthornton.co.uk/insights/final-guidance-on-delayed-payments-to-prevent-app-fraud/ เช่น

1. หากพบว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากพฤติกรรมปกติอย่างเด่นชัด (โอนเงินจำนวนก้อนใหญ่ผิดปกติ)

2. บัญชีปลายทางมีประวัติทำธุรกรรมกับบัญชีที่เคยเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง

3. ผู้โอนเงินมีพฤติกรรมการใช้งานที่จะถูกหลอกได้ง่าย และอื่นๆ โดยหากมีความเสี่ยงสูงธนาคารสามารถหน่วงธุรกรรมได้สูงสุดเป็นเวลา 4 วันทำการ

พิจารณาจากลักษณะคุณสมบัติของบัญชีปลายทาง: โดยปกติสถาบันทางการเงินมีข้อมูลที่บ่งชี้ได้ว่าบัญชีใดที่มีพฤติกรรมผิดปกติหรือมีความเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกง ซึ่งที่ผ่านมาสถาบันการเงินได้กวาดล้าง อายัดบัญชีที่เข้าข่ายว่าเป็นบัญชีม้าไปกว่า 3 แสนบัญชีตามคำสั่งของภาครัฐ[12] … Continue reading ซึ่งข้อมูลที่สถาบันทางการเงินมีนั้นสามารถนำมาใช้ระบุบัญชีปลายทางที่มีความเสี่ยงว่าจะเป็นมิจฉาชีพแต่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะถูกกวาดล้างได้ เช่น บัญชีที่เคยทำธุรกรรมกับบัญชีของมิจฉาชีพ บัญชีบุคคลธรรมดา[13]ในปัจจุบันบัญชีม้าจำนวนหนึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล แต่โดยสัดส่วนแล้วบัญชีนิติบุคคลมีโอกาสถูกใช้เป็นบัญชีม้าน้อยกว่าบัญชีบุคคลธรรมดา … Continue readingที่มีพฤติกรรมผิดปกติแต่ยังไม่เข้าเกณฑ์อายัดได้ รวมถึงบัญชีที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน[14]เนื่องจากบัญชีม้าจำนวนมากถูกอายัดจากมาตรการกวาดล้างของรัฐบาล มิจฉาชีพจึงต้องแสวงหาบัญชีเปิดใหม่มาใช้สำหรับการหลอกลวง … Continue reading

การให้สถาบันการเงินใช้ข้อมูลหลังบ้านทั้งลักษณะธุรกรรมที่มีความเสี่ยงและบัญชีปลายทางที่มีความเสี่ยงมาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจหน่วงเงิน นอกจากจะทำให้หน่วงเงินได้แม่นยำจำกัดผลกระทบได้แล้ว ในอีกด้านหนึ่งยังทำให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถตรวจทานธุรกรรมกันได้ละเอียดขึ้น โดยผู้โอนจะได้รับการแจ้งเตือนจากสถาบันการเงิน (การถูกหน่วงธุรกรรม) ทำให้รู้ว่าธุรกรรมนี้เสี่ยงกว่าปกติ จึงมีความรอบคอบในการพิจารณาโอนเงินมากขึ้น ในขณะที่สถาบันการเงินมีธุรกรรมที่ต้องตรวจสอบน้อยลงสามารถตรวจสอบแต่ละธุรกรรมได้โดยละเอียดขึ้น

เห็นได้ว่าแนวทางการใช้ข้อมูลหลังบ้านจะช่วยยกระดับมาตรการหน่วงเงินให้ปลอดภัยมากขึ้นและทำให้ผลกระทบจากการหน่วงเงินน้อยลง อย่างไรก็ตามในการจะหน่วงเงินโดยอิงกับข้อมูลหลังบ้าน ทางสถาบันการเงินต้องมีส่วนสำคัญในการเป็นผู้ตัดสินใจว่าธุรกรรมไหนที่ควรหน่วงเงิน (สถาบันการเงินจะตัดสินใจโดยให้น้ำหนักที่สมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสะดวกเพื่อให้ผู้บริโภคพึงพอใจมากที่สุด) ดังนั้นการหน่วงเงินโดยใช้ข้อมูลหลังบ้านจะเกิดขึ้นในประเทศที่มีกติกาสร้างแรงจูงใจให้ธนาคารมาเข้าร่วมเป็นด่านหน้าสู้กับภัยสแกมเมอร์ออนไลน์ โดยประเทศเหล่านี้มีการกำหนดให้สถาบันการเงินต้องมีส่วนรับผิดชอบหากปล่อยให้เหยื่อถูกหลอกให้โอนเงิน[15]https://www.bovill-newgate.com/uk-europe/payments-delay-legislation-balancing-speed-and-security/

 ตั้งค่าบนฐานผู้โอนเงินตั้งค่าบนฐานข้อมูลหลังบ้าน
หลักการพื้นฐานผู้โอนเงินเป็นผู้ตัดสินใจว่าธุรกรรมไหนจะถูกหน่วง (สามารถทำธุรกรรมที่หลบเลี่ยงเกณฑ์ที่จะถูกหน่วงได้)สถาบันการเงินเป็นผู้ตัดสินใจว่าธุรกรรมไหนจะถูกหน่วง
วิธีการตั้งมูลค่าขั้นต่ำที่ถูกหน่วง
หน่วงเฉพาะธุรกรรมที่โอนให้กับบัญชีปลายทางที่ไม่เคยโอนให้
หน่วงธุรกรรมที่มีลักษณะความเสี่ยงสูง
หน่วงการโอนเงินไปบัญชีปลายทางที่มีความเสี่ยง
ข้อดีมีโอกาสผลักดันในสถานการณ์ปัจจุบันได้ง่าย ภาระของสถาบันการเงินต่ำ (ลงทุนเพิ่มเติมในระบบทางธุรกรรม)  
สามารถผลักดันเพื่อยับยั้งปัญหาการโกงออนไลน์ที่แพร่ระบาดในปัจจุบันได้ทันที
การหน่วงเงินถูกใช้ยับยั้งการหลอกลวงได้มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น
ข้อจำกัดการหน่วงเงินยังอาจสร้างผลกระทบในวงกว้าง
สถาบันการเงินไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการตรวจสอบทุกธุรกรรมที่ถูกหน่วง
มีโอกาสผลักดันในสถานการณ์ปัจจุบันได้ยากกว่า ภาระของสถาบันการเงินสูง เนื่องจากต้องมีกลไกให้สถาบันการเงินร่วมรับผิดชอบหากเหยื่อถูกหลอก

บทส่งท้าย: มิจฉาชีพปรับตัว เราต้องปรับมาตรการตาม

การทำสงครามกับสแกมเมอร์ออนไลน์อาจเป็นสงครามที่เราไม่มีวันชนะ และไม่มีมาตรการใดสามารถป้องกันประชาชนไม่ให้ถูกหลอกได้ 100% เนื่องจากสแกมเมอร์เองก็มีการปรับกลยุทธ์หลบเลี่ยงมาตรการภาครัฐอยู่เรื่อยเช่นกัน ดังนั้นในการรับมือสแกมเมอร์ออนไลน์จึงต้องมีการปรับปรุงนโยบาย พัฒนาเทคนิคมาตรการใหม่ๆ มารับมืออยู่เสมอ (ในอนาคตอาจจะนำ AI มาร่วมช่วยคัดกรองธุรกรรมเสี่ยงเพื่อหน่วงเงินได้ด้วย) รวมถึงต้องขยายความร่วมมือดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความคล่องตัวสูงมาร่วมช่วยจัดการ

‘การหน่วงเงิน’ เป็นเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะช่วยให้มีคนตกเป็นเหยื่อถูกมิจฉาชีพหลอกลวงลดลง ซึ่งในปัจจุบันสภาผู้บริโภคได้พยายามผลักดันมาตรการหน่วงเงินเพื่อลดโอกาสที่ผู้บริโภคผู้โอนเงินจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ แต่ในลำดับถัดไปเราอาจต้องคิดว่าจะพัฒนายกระดับเพื่อทำให้มาตรการหน่วงเงินมีผลกระทบที่ลดลงและบังคับใช้ให้ตรงจุดได้มากขึ้นได้อย่างไร

References
1 https://www.thairath.co.th/news/politic/2836244
2 https://www.thansettakij.com/business/economy/616695
3 รัฐไทยเข้มงวดในการป้องกันการหลอกลวงประเภทแอปดูดเงิน (เหยื่อไม่ได้เป็นผู้โอนเงินให้มิจฉาชีพ) โดยมีมาตรการทั้งการแสกนใบหน้าหากโอนเงิน 50,000 บาทขึ้นไป มาตรการให้ 1 บัญชีสามารถใช้งานแอพโมบายแบงค์กิ้งได้เพียงเครื่องเดียว รวมถึงความพยายามผลักดันให้สถาบันการเงินและค่ายมือถือรับผิดชอบหากเหยื่อถูกหลอกจากแอปดูดเงิน https://www.tba.or.th/%E0%B8%98%E0%B8%9B%E0%B8%97-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
4 https://101pub.org/how-to-combat-scam/
5 https://www.businesswire.com/news/home/20241120169302/en/ACI-Worldwide-Scamscope-Projects-APP-Scam-Losses-to-Hit-7.6-Billion-by-2028#:~:text=The%20Scamscope%20report%20projects%20that,APP%20scam%20values%20by%202028.
6 รัฐไทยสามารถอายัดเงินคืนได้ทันเพียง 11.04% ของมูลค่าความเสียหาย https://www.thansettakij.com/business/economy/616695
7 https://www.tcc.or.th/scammer-65-67/
8 https://www.tcc.or.th/slow-payment/
9 ในรายละเอียดอาจต้องป้องกันกรณีมิจฉาชีพจะหาวิธีหลอกให้โอนเงินก้อนเล็กมาก่อน เช่น บัญชีที่ไม่เคยโอนเงินให้ถึง 10,000 บาทนับเป็นบัญชีใหม่ หรือ ไม่เคยโอนเงินให้ก่อนหน้าอย่างน้อย 7 วันนับเป็นบัญชีใหม่ เป็นต้น
10 https://www.biocatch.com/blog/scam-safe-banking-searching-for-clues-in-both-victim-and-recipient-behavior
11 https://www.grantthornton.co.uk/insights/final-guidance-on-delayed-payments-to-prevent-app-fraud/
12 https://www.mdes.go.th/news/detail/8669-%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%90-%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87–%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%B2–%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-1-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B5-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9–%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2–%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2–%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C-
13 ในปัจจุบันบัญชีม้าจำนวนหนึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล แต่โดยสัดส่วนแล้วบัญชีนิติบุคคลมีโอกาสถูกใช้เป็นบัญชีม้าน้อยกว่าบัญชีบุคคลธรรมดา เนื่องจากการเปิดบัญชีนิติบุคคลมีความยุ่งยากใช้เวลานานกว่า ในอีกด้านหนึ่งบัญชีนิติบุคคลถูกใช้เป็นบัญชีสำคัญในการค้าขายของผู้ประกอบการ ดังนั้นการมุ่งโฟกัสหน่วงเงินไปที่บัญชีบุคคลธรรมดามากกว่าบัญชีนิติบุคคลจึงมีโอกาสถูกเป้ามากกว่าและมีผลกระทบทางเศรษฐกิจต่ำกว่า
14 เนื่องจากบัญชีม้าจำนวนมากถูกอายัดจากมาตรการกวาดล้างของรัฐบาล มิจฉาชีพจึงต้องแสวงหาบัญชีเปิดใหม่มาใช้สำหรับการหลอกลวง โดยมักจะไปจ้างให้คนทั่วไปเปิดบัญชีใหม่มาให้
15 https://www.bovill-newgate.com/uk-europe/payments-delay-legislation-balancing-speed-and-security/

101 Public Policy Think Tank
ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง

ศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะไทยในบริบทโลกใหม่ สร้างสรรค์ความรู้ด้านนโยบายสาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มพลังให้ประชาชนสามารถตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และสังคม

Copyright © 2025 101pub.org | All rights reserved.