คงไม่มีใครปฏิเสธว่าระบบราชการไทยควรถูกปฏิรูปขนานใหญ่ ยิ่งเมื่อประเทศไทยต้องเผชิญวิกฤตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ยิ่งเห็นชัดว่าระบบราชการของไทยนั้นไม่สามารถรับมือกับปัญหาที่ยากต่อการวางแผน แต่ต้องลงมือปฏิบัติให้เร็ว และพร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานตามสถานการณ์ ซึ่งจะต้องฝ่าฟันปัญหาลักษณะนี้มากขึ้นในโลก VUCA
ระบบราชการไทยไม่ได้มีปัญหาเฉพาะกับสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังมีปัญหาในเวลาปกติด้วย โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ภาครัฐไทยนั้นมีอันดับโลกดีขึ้นเล็กน้อยในด้านคุณภาพบริการภาครัฐ จากอันดับ 74 ขึ้นมาเป็นอันดับ 72 ของโลก และในด้านการกำกับดูแลภาคธุรกิจ รัฐไทยก็สามารถทำได้ดีขึ้นจากอันดับ 82 เป็นอันดับ 81 อย่างไรก็ตาม ปัญหาการจัดการคอร์รัปชันของไทยนั้นย่ำแย่ลงอย่างมาก จากอันดับ 103 กลายเป็นอันดับ 120 ตามดัชนีคุณภาพภาครัฐที่ธนาคารโลกจัดทำสำหรับ 192 ประเทศ[1]World Bank. Worldwide Governance Indicators. 2022. ซึ่งถือว่าพัฒนาการของภาครัฐตามหลังระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจไปไกล
ปัญหาของระบบราชการจึงหยั่งรากลึกไปถึงโครงสร้างและระบบการทำงาน คำถามสำคัญคือ ระบบราชการควรถูกปรับอย่างไร? 101 PUB จึงขอนำเสนอข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐราชการไทย เพื่อตั้งหลักว่าการปรับรูปแบบควรมีทิศทางแบบใด
กำลังคนภาครัฐไทย 2.9 ล้านอัตรา อาจน้อยเกินไป?
กำลังคนภาครัฐของไทยปัจจุบันมีจำนวน 2.9 ล้านอัตรา[2]ฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. สำนักงาน ก.พ. รายงานสรุปภาพรวมการบริหารกำลังคนของส่วนราชการในฝ่ายพลเรือนและแนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านบุคลลภาครัฐ. 2022. แบ่งเป็นข้าราชการ 1.7 ล้านอัตรา และกำลังคนที่ไม่ใช่ข้าราชการ 1.2 ล้านอัตรา ข้าราชการที่มีจำนวนมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ทหาร ข้าราชการส่วนท้องถิ่น และตำรวจ ตามลำดับ ในขณะที่กำลังคนภาครัฐประเภทอื่นที่มีจำนวนมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ พนักงานจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานราชการ และพนักงานมหาวิทยาลัย
กำลังคนภาครัฐแต่ละประเภท
ข้าราชการ | 1,686,715 | ไม่ใช่ข้าราชการ | 1,236,605 |
พลเรือนสามัญ | 421,228 | พนักงานจ้าง | 258,276 |
ครูและบุคลากรทางการศึกษา | 427,525 | พนักงานราชการ | 149,537 |
พลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา | 13,422 | ลูกจ้างประจำ | 119,000 |
ตำรวจ | 213,208 | ลูกจ้างชั่วคราว | 228,543 |
รัฐสภา | 3,106 | พนักงานมหาวิทยาลัย | 129,469 |
อัยการ | 4,236 | พนักงานกระทรวงสาธารณสุข | 123,830 |
ตุลาการ | 5,429 | พนักงานรัฐวิสาหกิจ | 214,860 |
องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ | 22,838 | พนักงานองค์การมหาชน | 13,090 |
ส่วนท้องถิ่น | 250,670 | ||
ทหาร | 325,053 | ||
รวมทั้งสิ้น: 2,923,320 |
ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) และสำนักงาน ก.พ. (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) พยายามควบคุมอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงปี 2010-2020 ข้าราชการพลเรือนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จาก 1.29 ล้านคน เป็น 1.36 ล้านคน และจำนวนกำลังคนภาครัฐฝ่ายพลเรือนมีจำนวนค่อนข้างคงที่ จาก 2.15 ล้านคน เหลือ 2.12 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกัน[3]สำนักงาน ก.พ. กำลังคนภาครัฐในฝ่ายพลเรือน 2563. 2021. แต่กำลังคนภาครัฐก็ยังเพิ่มขึ้นผ่านช่องทางอื่น คปร. กล่าวถึงการเพิ่มอัตรากำลังตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการขนาดใหญ่และหน่วยงานตั้งใหม่ เพื่อรองรับภารกิจสำคัญเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล ตลอดจนการรับมือกับโควิด-19[4]ฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. สำนักงาน ก.พ. รายงานสรุปภาพรวมการบริหารกำลังคนของส่วนราชการในฝ่ายพลเรือนและแนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านบุคลลภาครัฐ. 2022.
แม้ความรู้สึกจะบอกเราว่าภาครัฐมีบุคลากรจำนวนมาก แต่แท้จริงแล้วกำลังคนภาครัฐของไทยไม่ได้สูงนักเมื่อเทียบกับมาตรฐานประเทศอื่น เนื่องจากกำลังคนภาครัฐ 2.9 ล้านอัตรา คิดเป็น 7.7% ของการจ้างงานทั้งประเทศราว 37.8 ล้านคน[5]ธนาคารแห่งประเทศไทย. ภาวะการทำงานของประชากร จำแนกตามประเภทธุรกิจ. สถิติเศรษฐกิจการเงิน. 2022. อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศ OECD สัดส่วนดังกล่าวมีค่าเฉลี่ยมากถึง 17.9%[6]OECD. Government at a Glance 2021. 2021. ทั้งนี้ สัดส่วนดังกล่าวในแต่ละประเทศแตกต่างกันอย่างมากตามปริมาณบริการภาครัฐ โดยในกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่รัฐมีบทบาทนำในสังคม มีสัดส่วนการจ้างงานภาครัฐเกือบ 30% ในขณะที่ประเทศที่รัฐมีบทบาทน้อยโดยเปรียบเทียบมักจะมีสัดส่วนการจ้างงานน้อยกว่า อาทิ 16.0% ในสหราชอาณาจักร และ 14.9% ในสหรัฐอเมริกา ในกลุ่ม OECD นั้น มีเพียง 2 ประเทศที่มีสัดส่วนการจ้างงานภาครัฐน้อยกว่า 10% คือญี่ปุ่น (5.9%) และเกาหลีใต้ (8.1%) ซึ่งเปรียบเสมือนกรณีพิเศษ
นอกจากนี้ การจ้างงานภาครัฐมักจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามระดับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ โดยกลุ่มที่มีสัดส่วนการจ้างงานภาครัฐน้อยมากจะเป็นประเทศรายได้น้อย เฉลี่ย 3.7% ของประชากรวัยแรงงาน ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีค่าเฉลี่ย 8.3% และประเทศพัฒนาแล้วมีค่าเฉลี่ย 11.6%[7]IMF. Managing Government Compensation and Employment – Institutions, Policies, and Reform Challenges. 2016. ซึ่งกำลังคนภาครัฐของประเทศไทยยังมีเพียง 5.1% ของประชากรวัยแรงงานเท่านั้น การมีสัดส่วนกำลังคนภาครัฐมากจึงไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้ประสิทธิภาพแย่ลง หรือขัดขวางพัฒนาการทางเศรษฐกิจเสมอไป
เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศแล้ว ภาครัฐไทยน่าจะมีปัญหาขาดกำลังคนเล็กน้อยในการให้บริการพื้นฐานอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง ยิ่งการบริหารงานภาครัฐเป็นเบี้ยหัวแตก มีหน่วยงานจำนวนมากถึง 20 กระทรวง มีหน่วยงานระดับกรมกว่า 200 หน่วยงาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,850 แห่ง ซึ่งทำให้มีกำลังคนภาครัฐจำนวนมากถูกใช้ไปกับฝ่ายงานสนับสนุนที่ต้องมีในทุกหน่วยงาน จนขาดกำลังคนที่มีหน้าที่ให้บริการจริง
แต่รายจ่ายบุคลากรกินสัดส่วนมากถึง 42% ของงบประมาณภาครัฐ
ปัญหาที่ชัดเจนสำหรับการมีกำลังคนภาครัฐเกือบ 3 ล้านอัตรา คือรายจ่ายบุคลากรที่กินสัดส่วนงบประมาณภาครัฐของไทยจำนวนมาก โดยเมื่อปี 2013 ใช้งบประมาณที่จ่ายเป็นเงินเดือนและค่าจ้างราว 6.7 แสนล้านบาท แต่ได้ทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนมีค่า 8.3 แสนล้านบาทในปี 2022[8]สำนักงานสถิติแห่งชาติ. งบประมาณรายจ่าย จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจตามระบบ Government Finance Statistics (GFS) ปีงบประมาณ 2556 – 2565. 2022. อย่างไรก็ตาม ด้วยงบประมาณภาครัฐที่ขยายตัวเร็วในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้รายจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างมีสัดส่วนค่อนข้างคงที่ราว 27-28% ของงบประมาณประเทศ
อย่างไรก็ตาม รายจ่ายบุคลากรของประเทศไทยนั้นไม่อาจดูเพียงตัวเลขดังกล่าวได้ เนื่องจากมีการตั้งงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการบุคลากรซ่อนไว้ในงบกลาง ได้แก่ เงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ, เงินสำรอง เงินสมทบ และเงินชดเชยของข้าราชการ, เงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ, เงินช่วยเหลือข้าราชการ ลูกจ้างและพนักงานของรัฐ ตลอดจนงบกลางที่เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งถูกตั้งในงบกลางด้วยเหตุว่าไม่สามารถรู้จำนวนที่แน่นอนในแต่ละปีได้
งบบุคลากรภาครัฐที่แฝงอยู่ในงบกลางนี้มีขนาดใหญ่และมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีหลัง จากปี 2013 ที่เคยตั้งงบประมาณ 2.4 แสนล้านบาท คิดเป็น 9.9% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจนมีค่า 4.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 15.3% ในปี 2022[9]สำนักงบประมาณ. เอกสารงบประมาณอิเล็กทรอนิกส์ ปีงบประมาณ 2556 ถึง 2565. รายจ่ายที่มีขนาดใหญ่และเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วที่สุดก็คือ เงินเบี้ยหวัด บำเหน็จและบำนาญ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.2 แสนล้านบาท เป็น 3.1 แสนล้านบาทในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ รายจ่ายบำเหน็จบำนาญยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตตามจำนวนข้าราชการเกษียณ โดยอาจพุ่งไปสู่ระดับ 7 แสนล้านบาทในอีก 15 ปี[10]กรมบัญชีกลาง. ข้อมูลบำเหน็จบำนาญ (เอกสารนำเสนอ Powerpoint). 2020.
เมื่อรวมงบประมาณรายจ่ายบุคลากรทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ทำให้เห็นว่ารายจ่ายบุคลากรที่แท้จริงของไทยคิดเป็น 38% ของงบประมาณภาครัฐในปี 2013 สัดส่วนดังกล่าวแตะระดับ 41% ในช่วงปี 2014-2016 ก่อนที่จะลดลงมาเล็กน้อยในช่วงปี 2017-2018 แต่หลังจากนั้นรายจ่ายบุคลากรภาครัฐโดยรวมก็ได้กลับสู่แนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนในปี 2022 มีค่ามากที่สุดที่ 42% ของงบประมาณประเทศ หมายความว่างบประมาณเกือบครึ่งหนึ่งนั้นถูกจ่ายเป็นค่าบุคลากร ทำให้มีงบประมาณในการให้บริการสาธารณะ และจัดสวัสดิการสังคมได้น้อยลง
สัดส่วนรายจ่ายบุคลากรต่องบประมาณภาครัฐของไทย
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ, สำนักงบประมาณ คำนวณโดย 101 PUB
สัดส่วนรายจ่ายด้านบุคลากรต่องบประมาณประเทศของไทยมีค่าสูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานโลกซึ่งมีค่าเฉลี่ย 19.4%[11]World Bank. Compensation of Employees (% of Expense). 2022. ขณะที่ประเทศรายได้ปานกลางระดับบนมีค่าเฉลี่ย 23.2% ประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกมีค่าเฉลี่ย 15.1% และประเทศรายได้สูงมีค่าเฉลี่ยเพียง 14.4% เท่านั้น นอกจากนี้ หากพิจารณารายประเทศก็จะเห็นว่ารายจ่ายด้านบุคลากรภาครัฐไทยมีสัดส่วนสูงเทียบกับงบประมาณประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่รัฐมีบทบาทนำหรือมีบทบาทจำกัด หรือว่าประเทศคู่เทียบในภูมิภาค
เปรียบเทียบสัดส่วนรายจ่ายบุคลากรต่องบประมาณประเทศ
ประเทศ | สัดส่วนรายจ่ายบุคลากร ต่องบประมาณประเทศ |
ญี่ปุ่น | 4.4% |
เกาหลีใต้ | 9.3% |
อินโดนีเซีย | 14.8% |
มาเลเซีย | 31.7% |
เยอรมนี | 5.4% |
สหรัฐอเมริกา | 6.9% |
ฟินแลนด์ | 7.5% |
รัสเซีย | 11.9% |
สหราชอาณาจักร | 14.4% |
นิวซีแลนด์ | 21.9% |
ประเทศรายได้สูง | 14.4% |
ประเทศรายได้ปานกลางระดับบน | 23.2% |
ประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก | 15.1% |
โลก | 19.4% |
โจทย์สำคัญของการปฏิรูประบบราชการ
ปัญหาของระบบราชการไทยไม่ใช่จำนวนกำลังคน แต่เป็นปัญหาการบริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ ซึ่งต้องแก้ไข 2 ประการหลัก ประการแรกคือการจัดองค์กรใหม่ (reorganization) โดยยุบรวมหน่วยงานระดับกรมหรือกระทรวงให้กระชับมากขึ้น ลดจำนวนผู้ที่ต้องทำงานสนับสนุนลงให้ได้มากที่สุด หรือร่วมกันใช้หน่วยฝ่ายสนับสนุนที่ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกหน่วยรับงบประมาณก็ได้ รวมถึงการทบทวนความสำคัญของกำลังคนบางประเภท เช่น จำนวนข้าราชการทหาร ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายสำคัญ คือการปรับบทบาทหน้าที่ของกำลังคน 2.9 ล้านคนนี้ใหม่ให้มุ่งไปที่การจัดบริการสาธารณะแก่ประชาชนอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง ซึ่งแม้ว่าจะจัดให้กำลังคนภาครัฐของไทยจะทำงานแบบเดียวกับเกาหลีใต้ด้วยประสิทธิภาพเท่ากันก็ยังมีจำนวนไม่เพียงพอเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้ แนวทางการจำกัดจำนวนกำลังคนภาครัฐดังที่ทำมาก่อน หรือกระทั่งแนวคิดในการลดขนาดกำลังคน สุ่มเสี่ยงจะสร้างปัญหาในการบริหารงานและการให้บริการสาธารณะ เนื่องด้วยในทางปฏิบัติมักจะจำกัดการรับกำลังคนใหม่ หรืออาจทดแทนกำลังคนระดับปฏิบัติการส่วนที่หายไปไม่เต็มจำนวน ซึ่งซ้ำเติมการขาดกำลังคนระดับปฏิบัติการในฝ่ายพลเรือนภายใต้ระบบการบริหารงานแบบเดิม
ประการที่สอง ปัญหารายจ่ายบุคลากรของไทยมีสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับงบประมาณ แต่จำนวนกำลังคนภาครัฐไม่เพียงพอ อาจชี้ให้เห็นว่าค่าตอบแทนรวมถึงสวัสดิการภาครัฐอาจสูงเกินไป อย่างไรก็ตาม การปรับลดคงทำได้ค่อนข้างจำกัดเพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ และต่อให้ลดรายจ่ายด้านบุคลากรลงได้จากปัจจุบันได้มาก เช่นลดลงครึ่งหนึ่ง ก็ยังไม่อาจทำให้สัดส่วนรายจ่ายของไทยเทียบเท่ากับประเทศพัฒนาแล้ว
ดังนั้น งบประมาณประเทศที่มีน้อยเกินไปจึงเป็นปัญหาใหญ่กว่า ทำให้กำลังคนภาครัฐโดยเฉลี่ยแต่ละคนยังมี ‘เนื้องาน’ ต้องรับผิดชอบน้อยเกินไป ในขณะที่โครงสร้างราชการต้องมีส่วนที่คงที่ งบประมาณของไทยจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยจนเทียบเท่ากับประเทศที่รัฐเล่นบทบาทสนับสนุน แต่รัฐไทยยังคงเล่นบทบาทหลักในทางเศรษฐกิจหลายเรื่องด้วย แปลว่าจะยิ่งต้องใช้ทรัพยากรมากยิ่งขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าการเพิ่มงบประมาณภาครัฐจะต้องเกิดข้อครหาจำนวนมากถึงประสิทธิภาพและความโปร่งใสของการใช้งบประมาณ ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพในแนวทางแรกจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้บางส่วน แต่ประเทศไทยต้องมีสัญญาประชาคมเรื่องหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจน และจัดสรรงบประมาณให้เป็นที่ประจักษ์ว่าถูกนำไปใช้เพื่อประชาชนผู้เสียภาษี ผ่านบริการสาธารณะหรือสวัสดิการอย่างเพียงพอและทั่วถึง ซึ่งเป็นโจทย์ให้ต้องร่วมขบคิดหาทางออกกันต่อไปโดยเฉพาะในการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
↑1 | World Bank. Worldwide Governance Indicators. 2022. |
---|---|
↑2, ↑4 | ฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. สำนักงาน ก.พ. รายงานสรุปภาพรวมการบริหารกำลังคนของส่วนราชการในฝ่ายพลเรือนและแนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านบุคลลภาครัฐ. 2022. |
↑3 | สำนักงาน ก.พ. กำลังคนภาครัฐในฝ่ายพลเรือน 2563. 2021. |
↑5 | ธนาคารแห่งประเทศไทย. ภาวะการทำงานของประชากร จำแนกตามประเภทธุรกิจ. สถิติเศรษฐกิจการเงิน. 2022. |
↑6 | OECD. Government at a Glance 2021. 2021. |
↑7 | IMF. Managing Government Compensation and Employment – Institutions, Policies, and Reform Challenges. 2016. |
↑8 | สำนักงานสถิติแห่งชาติ. งบประมาณรายจ่าย จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจตามระบบ Government Finance Statistics (GFS) ปีงบประมาณ 2556 – 2565. 2022. |
↑9 | สำนักงบประมาณ. เอกสารงบประมาณอิเล็กทรอนิกส์ ปีงบประมาณ 2556 ถึง 2565. |
↑10 | กรมบัญชีกลาง. ข้อมูลบำเหน็จบำนาญ (เอกสารนำเสนอ Powerpoint). 2020. |
↑11 | World Bank. Compensation of Employees (% of Expense). 2022. |