– 1 –
ในประเทศที่ถูกขนานนามว่า “ประเทศเกษตรกรรม” บุตรหลานเกษตรกรนับเป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่สถานการณ์เฉพาะของพวกเขากลับยังไม่ถูกมองเห็นเท่าที่ควร ความไม่แน่นอนของรายได้เกษตรส่งผลบั่นทอนคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังขวางกั้นมิให้พวกเขากล้ามีความฝันที่กว้างไกลและท้าทาย เมื่อประกอบกับโอกาสการทำงานที่จำกัด และบริการการศึกษาที่เข้าถึงยาก-คุณภาพต่ำในท้องถิ่น หลายคนจึงไม่เห็นความจำเป็นคุ้มค่า และเลือกหันหลังให้การศึกษาระดับสูงขึ้นไป ขณะที่ครัวเรือนซึ่งโดยมากแหว่งกลาง ก็สามารถช่วยผลักดันและแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ไม่มากนัก
เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี 7.8 ล้านคนเกิดและเติบโตอยู่ในครัวเรือนเกษตร คิดเป็นร้อยละ 39.2 จากจำนวนเด็กและเยาวชน 19.8 ล้านคนทั่วประเทศ1 โดยนับรวมครัวเรือนทั้งที่เป็นผู้ประกอบการและแรงงานเกษตร ครอบคลุมกิจกรรมการเกษตรตั้งแต่ปลูกพืช ป่าไม้ หาของป่า เลี้ยงสัตว์ ล่าสัตว์ และประมง
จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2023 ครัวเรือนเกษตรที่มีเด็กและเยาวชนมีสถานะทางเศรษฐกิจต่ำกว่าครัวเรือนที่มีเด็กและเยาวชนทั้งหมดโดยเฉลี่ย ครัวเรือนกลุ่มนี้มีรายได้เฉลี่ย 21,983 บาทต่อเดือน และสินทรัพย์ทางการเงินสะสม 117,820 บาท น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของครัวเรือนทั่วประเทศร้อยละ 23.1 และ 22.3 ตามลำดับ2
ตามเกณฑ์เส้นความยากจนที่รายได้ 2,997 บาทต่อคนต่อเดือน เด็กและเยาวชนในครัวเรือนเกษตรถึงร้อยละ 19.6 ยังมีฐานะยากจน ถือเป็นสัดส่วนสูงกว่าสัดส่วนเด็กและเยาวชนยากจนทั้งประเทศเกือบหนึ่งเท่าตัวหรือร้อยละ 9.23 สถิติข้างต้นสะท้อนว่าพวกเขามีแนวโน้มเผชิญความยากลำบากในการดำรงชีพ และเติมเต็มความฝันมากกว่าเด็กทั่วไป
“ผมเคยอยากเป็นนักฟุตบอล แต่อีก 10 ปีข้างหน้า ผมก็น่าจะทำไร่อยู่นี่แหละ” ดอมบอก
“นอกจากทำไร่แล้ว เราจินตนาการถึงอาชีพอื่นบ้างไหม?”
“พนักงานเซเว่นมั้งพี่ ทำงานในห้องแอร์ น่าจะสบายดี”
อนาคตที่ดอมวาดไว้นั้นเรียบง่าย เดินตามวิถีชีวิตที่รุ่นพ่อแม่ของเขาสืบต่อมา
แม่ของดอมที่เพิ่งเสร็จจากการปักผ้าชุดชาติพันธุ์ลาหู่เพื่อส่งขายตามออร์เดอร์นั่งลงร่วมสนทนา “ถ้าเป็นไปได้ แม่ก็อยากให้เขาเรียนจนจบปริญญา” ผู้เป็นแม่บอกถึงความหวังที่มีต่อลูกชาย
แม้ดอมจะบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกขาดหรือต้องการอะไรมากไปกว่านี้ แต่ผู้เป็นแม่ยังยืนยันว่าการทำไร่ข้าวโพด แหล่งรายได้หลักของครอบครัวในปัจจุบันนี้ให้ผลตอบแทนที่ไม่เพียงพอและใช้ต้นทุนสูง นอกจากกู้เงิน ธ.ก.ส. แล้ว ครอบครัวของเธอต้องหยิบยืมเงินจากญาติในหมู่บ้าน
เรื่องเล่าจาก ดอม อายุ 15 ปี
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ความไม่แน่นอนของรายได้การเกษตรถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความฝันของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ ในกรณีครัวเรือนเกษตรกรรม
ที่ปลูกพืช เกษตรกรต้องประสบกับความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำและสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลหรือปีการผลิต โดยเฉพาะเกษตรกรนอกเขตชลประทานที่พึ่งพาน้ำฝนในการเพาะปลูก อีกทั้งเสี่ยงกับโรค แมลง และศัตรูพืชซึ่งไม่อาจคาดหมายได้ ปัจจัยการผลิตหลายชนิดยังมีต้นทุนผันผวนตามราคาตลาด เช่นยากำจัดศัตรูพืชและปุ๋ย ที่แม้จะราคาสูง แต่ก็ยังจำเป็นต่อการเพาะปลูกให้ได้ผลผลิตดี
ปัจจัยการผลิตที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตไม่แน่นอนตามไปด้วย ตลอดช่วง 13 ปีที่ผ่านมา (2012-2024) อัตราการเปลี่ยนแปลงของปริมาณผลผลิตพืชเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 7.4 ต่อปี โดยในปี 2020 ผลผลิตน้อยลงจากปีก่อนหน้าเกือบร้อยละ 15.64
ขณะเดียวกัน ราคาผลผลิตที่เกษตรกรขายได้ก็ผันผวนตามกลไกตลาดโลก อัตราการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 9.1 ต่อปี โดยในปี 2012 ราคาผลผลิตลดลงจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 15.25 แม้รัฐบาลจะดำเนินนโยบายอุดหนุนเกษตรกรเพื่อเป็นหลักประกันรายได้จากความผันผวนดังกล่าว แต่เงินอุดหนุนส่วนมากก็ถูกจ่ายไปยังเกษตรกรรายใหญ่ มิใช่รายย่อยที่มีแนวโน้มยากจน เปราะบาง และต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลมากที่สุด6 เมื่อประกอบกัน ครัวเรือนเกษตรจึงมีรายได้สุทธิหรือกำไรการเกษตรไม่แน่นอนสูงในแต่ละฤดูกาลหรือปีการผลิต
รายรับ รายจ่าย และดุลรายรับ-จ่ายของครัวเรือนเกษตรตัวอย่าง

แม้ครัวเรือนมักมิได้พึ่งพากำไรข้างต้นเป็นแหล่งรายได้เดียวหรือแหล่งหลัก โดยเฉพาะกลุ่มนอกเขตชลประทานที่ได้ผลผลิตต่ำและผันผวนเป็นพิเศษ แต่งานรับจ้างที่เป็นรายได้เสริมหลายงานก็เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรหรือทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ขุดมัน ตัดอ้อย เผาถ่าน เก็บแมลง และทำงานในโรงงานเลี้ยงสัตว์ รายได้แหล่งเหล่านี้จึงมักผันผวนในทิศทางเดียวกับกำไรการเกษตร ตามข้อมูลจากงานสัมภาษณ์และศึกษาภาคสนามของ คิด for คิดส์ และ The101.world ในพื้นที่ชัยนาท แม่ฮ่องสอน อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2024
นอกจากรายได้ไม่แน่นอนในแต่ละปีแล้ว ครัวเรือนเกษตรยังมีรายได้ไม่คงที่ภายในปีหนึ่งๆ ด้วย สำหรับครัวเรือนที่มีกำไรการเกษตรเป็นตัวเงิน ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวและขายผลผลิตจะมีรายได้ก้อนใหญ่ เงินก้อนนี้ต้องแบ่งใช้และจะลดลงตามลำดับจนกระทั่งถึงฤดูเก็บเกี่ยวถัดไป หากเงินก้อนนี้ไม่พอใช้จ่าย ก็จะพึ่งพางานรับจ้างที่ไม่แน่นอนในแต่ละวัน คืออาจมีหรือไม่มีผู้ว่าจ้าง และได้รับค่าจ้างไม่เท่ากัน ส่วนครัวเรือนที่ไม่มีกำไรการเกษตรเป็นตัวเงิน (เช่น ได้ผลผลิตแค่พอบริโภคในครัวเรือน ไม่เหลือขายเป็นเงิน) ก็ต้องอาศัยรายได้รับจ้างเป็นหลัก รายได้แหล่งเดียวที่ครัวเรือนส่วนใหญ่ได้รับอย่างสม่ำเสมอคือสวัสดิการรัฐ เช่น เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเบี้ยผู้สูงอายุ
งานสัมภาษณ์และศึกษาภาคสนามของ คิด for คิดส์ และ The101.world พบว่า ความไม่แน่นอนทางรายได้ส่งผลกระทบให้เด็กและเยาวชนครัวเรือนเกษตรไม่สามารถกินดีอยู่ดีดังที่ควรในระยะสั้น และขวางกั้นการเติมเต็มความฝันในระยะยาว ทั้งที่ครอบครัวพยายามให้บุตรหลานได้รับผลกระทบดังกล่าวเป็นคนสุดท้ายและน้อยที่สุด
ในช่วงขาดรายได้ ครัวเรือนเกษตรยากจนจำเป็นต้องลดการอุปโภคบริโภคลงในระยะสั้น เด็กและเยาวชนจึงอาจต้องลดปริมาณและคุณภาพอาหารที่บริโภค หรือถูกลดเงินไปโรงเรียน หากตรงกับช่วงที่มีรายจ่ายสูง ครัวเรือนก็อาจไม่มีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านั้น เช่น ค่าเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาไม่มีอุปกรณ์ใช้ชั่วเวลาหนึ่ง หรือไม่แล้วครัวเรือนเกษตรเหล่านี้ก็ต้องยอมเป็นหนี้มากยิ่งขึ้น
เยาวชนยังอาจต้องช่วยทำงานหารายได้ ส่วนใหญ่มักเป็นงานรับจ้างทั่วไป เช่น ขุดมัน หรือทำงานที่ไม่ก่อรายได้ตัวเงินบางอย่างแทนผู้ใหญ่ในบ้าน เพื่อให้ผู้ใหญ่มีเวลาออกหารายได้มากขึ้น เช่น ดูแลสมาชิกครัวเรือนในภาวะพึ่งพิง การทำงานมักหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเรียน ถึงกระนั้น ก็พบว่ามีกรณีที่เยาวชนต้องทำงานหนัก จนเหนื่อยสะสมแล้วกระทบการเรียนในชั้นเรียน หรือไม่มีเวลาทำการบ้าน รวมถึงมีกรณีที่ขาดรายได้รุนแรง จนต้องหยุดเรียนและทำงานในเวลาเรียนเป็นครั้งคราวด้วย
อย่างไรก็ดี ผลกระทบสำคัญที่สุดของความไม่แน่นอนทางรายได้คือ การจูงใจไม่ให้เยาวชนวาดฝันและลงทุนกับความฝันที่ทะเยอทะยานและท้าทาย เมื่อไม่มั่นใจว่าสถานการณ์รายได้ในวันข้างหน้าเป็นอย่างไร เยาวชนหลายคนจึงมีทัศนคติไม่อยากเสี่ยงลงทุนกับเป้าหมายที่เห็นผลช้าและไม่แน่นอน เช่น ไม่อยากลงทุนกับการเรียนต่อในระดับสูงขึ้นอีกหลายปี เพราะไม่มั่นใจว่าฐานะทางบ้านในระหว่างเรียนอยู่นั้นจะเป็นอย่างไร จะมีเงินเพียงพอจ่ายค่าเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาหรือไม่ หรือกระทั่งประสบความสำเร็จหลังสำเร็จการศึกษาหรือไม่ ตรงกันข้าม พวกเขาจะเลือกจำกัดฝันในแบบที่เห็นผลได้ง่าย รวดเร็ว และแน่นอน เช่น อยากรีบหางานรายได้ดีระดับหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องใช้ทักษะสูงนัก
“ลูกเราเคยไปเรียนต่อวิทยาลัยเทคนิคชัยนาท แล้วเขาว่าค่าใช้จ่ายเยอะ เลยไม่อยากเรียนแล้ว กลับมาทำงานดีกว่า”
“ตอนนี้เขาเลยทำงานรับจ้าง เข็นฟาง ฉีดสารเคมี แต่เราไม่โอเคเลย เพราะมันเหนื่อยนะ ทำงานแบกฟาง”
“ถ้าลองได้เงินสักก้อน ส่วนมากก็ติดใจ ไม่อยากเรียนกันทั้งนั้น” สมาพรยิ้ม “แต่ชัยนาทไม่มีโรงงาน อาชีพหลักของคนที่นี่คือเกษตรกร ถ้าพ่อแม่ไม่มีธุรกิจ ไม่มีนามีไร่เป็นของตัวเองให้ทำ ไม่มีสัตว์ให้เลี้ยง มันก็แทบไม่มีงานอะไรเลย ได้แต่รับจ้างเข็นฟางทั่วไป”
เรื่องเล่าจาก อรวรรณ อายุ 35 ปี และ สมาพร อายุ 47 ปี เกษตรกร จังหวัดชัยนาท
เยาวชนครัวเรือนเกษตรยากจนที่ไม่กล้าฝันเพราะความไม่แน่นอนในชีวิต ยังถูกตอกย้ำด้วยสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชนบท ซึ่งฉายให้พวกเขาเห็นถึงความเป็นไปได้ในชีวิตจำกัด ในมิติการศึกษาและการทำงาน ตำแหน่งงานในชนบทเกือบครึ่งหรือร้อยละ 45.6 อยู่ในภาคเกษตร7 ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งงานถึงร้อยละ 90.5 ยังเป็นงานทักษะต่ำถึงปานกลาง มีเพียงร้อยละ 9.4 เท่านั้นที่เป็นงานทักษะสูง8 ฉะนั้น เยาวชนจึงฝันถึงอาชีพในอนาคตได้ไม่กี่อาชีพ
งานสัมภาษณ์และศึกษาภาคสนามของ คิด for คิดส์ และ The101.world พบว่า เยาวชนครัวเรือนเกษตรส่วนใหญ่ฝันอยากทำงานทักษะต่ำถึงปานกลาง ซึ่งคนรอบตัวทำแล้วมีรายได้ค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้เฉลี่ยของคนในท้องถิ่น เช่น พนักงานทวงหนี้นอกระบบ พนักงานร้านสะดวกซื้อ ร้านชำ และร้านอาหาร กรรมกรก่อสร้าง และโรงงาน คนขับรถ และไรเดอร์ มีเพียงส่วนน้อยที่ตั้งเป้าหมายถึงอาชีพทักษะสูงที่พอพบเห็นได้ในพื้นที่ เช่น ครู พยาบาล และตำรวจ ด้วยเหตุนี้ เยาวชนจำนวนมากจึงไม่เห็นความจำเป็นในการศึกษาต่อขั้นสูง ต้องการเพียงได้วุฒิมัธยมศึกษาซึ่งพอสำหรับอาชีพที่ตนมุ่งหวัง
ขณะเดียวกัน บริการการศึกษาพื้นที่ชนบทยังเข้าถึงยากและมีคุณภาพต่ำ ส่งผลให้เยาวชนยิ่งรู้สึกไม่คุ้มค่าที่จะเรียน ตัวอย่างอุปสรรคการเข้าถึงคือ สถานศึกษามักตั้งอยู่ไกลจากบ้านของนักเรียน โดยในต่างจังหวัด มีสถานศึกษาทุกประเภทกระจายอยู่เฉลี่ย 0.1 แห่งต่อพื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตร น้อยกว่ากรุงเทพ-มหานครและปริมณฑลที่มี 0.5 แห่งต่อตารางกิโลเมตรถึงสี่เท่าตัว9 ทั้งนี้ ยิ่งระดับการศึกษาสูงขึ้น ก็ยิ่งมีสถานศึกษาน้อยลงและมีแนวโน้มตั้งอยู่ไกลยิ่งขึ้น
นักเรียนครัวเรือนเกษตรหลายคนต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ รถสองแถว หรือรถโรงเรียนข้ามอำเภอหรือจังหวัดเพื่อเดินทางไปเรียนทุกวัน พวกเขาจึงมีต้นทุนการเดินทางไปเรียนสูง คิดเป็นร้อยละ 3.3 ของรายได้ต่อคนของครัวเรือน ถือเป็นสัดส่วนมากกว่าต้นทุนของนักเรียนเมืองที่ร้อยละ 3.0 เล็กน้อย10 ยังไม่นับรวมว่าบางส่วนอยู่ไกลจนต้องย้ายไปอยู่หอพักใกล้โรงเรียน เพิ่มต้นทุนการเข้าถึงให้สูงขึ้นไปอีก
ถึงกระนั้น คุณภาพการศึกษาที่ได้รับกลับไม่สนับสนุนให้พวกเขาพัฒนาทักษะจำเป็นได้ดังที่ควร จากผลการประเมินนักเรียนนานาชาติ (Programme for International Student Assessment, PISA) ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2022 นักเรียนอายุ 15 ปีในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทและเมืองเล็ก มีทักษะการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์โดยเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ และต่ำกว่านักเรียนจากพื้นที่เมืองใหญ่ประมาณหนึ่งระดับ (จากทั้งหมด 6 ระดับ)11 ผลข้างต้นสะท้อนว่าการศึกษาในพื้นที่ชนบทคุณภาพย่ำแย่ ต่อให้เยาวชนครัวเรือนเกษตรอยากฝันกว้างไกล ทะเยอทะยาน และท้าทาย แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อมั่นว่า ระบบการศึกษานี้จะช่วยเติมเต็มฝันได้จริง
ท่ามกลางบริบทที่ไม่เอื้อให้เยาวชนกล้าฝัน ครัวเรือนเกษตรก็มีขีดความสามารถในการช่วยผลักดันพวกเขาได้จำกัด เนื่องด้วยจำนวนมากเป็นครัวเรือนแหว่งกลาง ซึ่งมีเพียงปู่ย่าตายายอาศัยอยู่กับหลาน จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2023 เด็กอายุไม่เกิน 14 ปีในครัวเรือนเกษตรถึงร้อยละ 31.9 ไม่ได้อาศัยอยู่กับทั้งพ่อและแม่12 งานสัมภาษณ์และศึกษาภาคสนามของ คิด for คิดส์ และ The101.world ยังพบว่า ครัวเรือนลักษณะนี้จะกระจุกตัวอยู่นอกเขตชลประทาน เพราะมีรายได้การเกษตรต่ำและไม่แน่นอนกว่า สมาชิกครอบครัวรุ่นพ่อแม่จึงมีแนวโน้มอพยพออกไปทำงานในพื้นที่เมืองใหญ่และพื้นที่อุตสาหกรรมหนาแน่นมากกว่า
โดยทั่วไปแล้ว ครัวเรือนแหว่งกลางมักเผชิญปัญหาช่องว่างระหว่างวัยของผู้ปกครองกับบุตรหลาน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ปกครองในครัวเรือนเกษตรเองยังเข้าถึงการศึกษาไม่มากนัก หัวหน้าครัวเรือนเกษตรที่มีเด็กและเยาวชนกว่าสองในสามหรือร้อยละ 68.6 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนต้น13
ด้วยเหตุนี้ ผู้ปกครองจึงสนับสนุนและผลักดันการเรียนรู้ของบุตรหลานได้น้อย ไม่สามารถสอนการบ้าน ส่งเสริมการเรียนรู้นอกบริบทโรงเรียน และกระตุ้นให้คิดฝันและวางแผนอนาคตอันไกลได้มากนัก พวกเขายังไม่เข้าใจและไม่รู้วิธีจัดการปัญหาที่บุตรหลานเผชิญ จึงมักปล่อยปละหรือตามใจ จนปัญหาบานปลายเรื้อรัง กลายเป็นอุปสรรคในการกล้าและเติมเต็มความฝันของบุตรหลานในระยะยาว ทั้งนี้ ปัญหาที่พบมากจากการสัมภาษณ์และศึกษาภาคสนามได้แก่ ปัญหาโภชนาการ ติดโทรศัพท์-เกม และติดสารเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุหรี่ไฟฟ้า กัญชา กระท่อม และยาบ้า
ท้ายที่สุด ผู้ปกครองที่เป็นปู่ย่าตายายจำนวนหนึ่งยังอยู่ในภาวะพึ่งพิง เช่น ชรามาก พิการ ป่วยหนัก และป่วยติดเตียง ส่งผลให้บุตรหลานต้องรับผิดชอบดูแลและหารายได้แทน กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกีดกันมิให้พวกเขากล้าและมีโอกาสเติมเต็มความฝันได้อย่างอิสระ
“อยู่กับปู่ย่าตายาย บางทีก็มีปัญหาว่าเขาสอนไม่ได้ การบ้านคณิตศาสตร์อย่างนี้ เขาไม่ได้เรียนมา ไม่รู้เรื่อง เด็กก็เล่นแต่โทรศัพท์ แล้วก็หล่นจากการเรียนไปเลย“
เรื่องเล่าจาก จำเนียร
ผู้อำนวยการโรงเรียน จังหวัดชัยนาท
ความไม่แน่นอนของรายได้การเกษตรส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนครัวเรือนเกษตร บั่นทอนคุณภาพชีวิตในระยะสั้นช่วงขาดรายได้ ควบคู่กับปิดกั้นมิให้พวกกล้าฝันกว้างไกล ทะเยอทะยาน และท้าทายในระยะยาว ความไม่กล้าฝันยังถูกตอกย้ำด้วยการไม่เห็นโอกาสการทำงานในท้องถิ่น เยาวชนจึงมองว่าการศึกษาระดับสูงไม่จำเป็น อีกทั้งไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับต้นทุนการเข้าถึงที่ต้องจ่าย คุณภาพการศึกษาที่ได้รับ และค่าเสียโอกาสที่ไม่เลือกออกไปทำงาน ท่ามกลางสถานการณ์นี้ ครัวเรือนยังสามารถช่วยผลักดันพวกเขาได้จำกัด เนื่องจากจำนวนมากแหว่งกลาง ผู้ปกครองจึงมีช่องว่างทางวัยกับบุตรหลานกว้าง และมีภูมิหลังด้านการศึกษาต่ำ
ความกล้าฝันนับว่าสำคัญต่อเด็กและเยาวชนมาก ชีวิตพวกเขาจะก้าวเดินไปได้ไกลเท่าไร แรกสุดก็ขึ้นอยู่กับว่าสามารถฝันได้ไกลแค่ไหน ขณะเดียวกัน ยังขึ้นอยู่กับว่าสังคมสนับสนุนได้ดีเพียงใด ซึ่งจะประกันให้พวกเขามั่นใจและเห็นความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จในการเติมเต็มความฝันนั้น
รัฐบาลจึงควรส่งเสริมความกล้าฝันให้เด็กและเยาวชนครัวเรือนเกษตร ผ่านการขยายเงินอุดหนุนเด็กและเยาวชนวัยเรียนให้ทั่วถึงและเพียงพอ เพื่อเป็นตาข่ายรองรับมิให้พวกเขาถูกกระทบจากความไม่แน่นอนของรายได้การเกษตรรุนแรงเกินไป
นอกจากนี้ รัฐบาลควรลดต้นทุนการเข้าถึงการศึกษา โดยจัดตั้งระบบรถโรงเรียนและ/หรือรถประจำทางสาธารณะในชนบทที่ครอบคลุมและค่าโดยสารต่ำ รวมถึงจัดให้มีที่อยู่อาศัยสำหรับนักเรียนในเมืองศูนย์กลางการศึกษาของแต่ละภูมิภาค รัฐบาลยังควรวางระบบมาตรฐานการศึกษา คุณวุฒิ และการเทียบโอน ให้เด็กและเยาวชนสามารถโอนย้ายระหว่างการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัยได้อย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนและความต้องการในชีวิต พร้อมทั้งลงทุนพัฒนาคุณภาพบริการการศึกษาในชนบท ควบคู่กับกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมตัดสินใจจัดการศึกษาให้เหมาะสมกับความฝันและบริบทของเด็กและเยาวชนในพื้นที่
สุดท้าย รัฐบาลควรเสริมสร้างทักษะการเลี้ยงดูและการสนับสนุนเด็กและเยาวชนแก่ผู้ปกครองในเชิงรุก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้ปกครองเป็นอีกหนึ่งพลังที่ช่วยผลักดันบุตรหลานให้กล้าและเติมเต็มความฝันของตนได้อย่างดีที่สุด
[1] คิด for คิดส์ คำนวณจากผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2023); และจำนวนประชากรจากการทะเบียน สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2022).
[2] คิด for คิดส์ คำนวณจากผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2023).
[3] เพิ่งอ้าง.
[4] คิด for คิดส์ คำนวณจากข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2024).
[5] เพิ่งอ้าง.
[6] วรดร เลิศรัตน์, “หยุดขุดหลุมฝังประเทศด้วย ‘เงินอุดหนุนเกษตรกร’ แบบเดิมๆ,”
101 Public Policy Think Tank, 11 มกราคม 2023, https://101pub.org/farmer-income-support-
reform/ (เข้าถึงเมื่อ 4 มิถุนายน 2024).
[7] International Labour Organization [ILO], “Employment by Sex, Economic Activity, and Rural / Urban Areas (Thousands) – Annual,” ILOSTAT Explorer, 2023, https://rshiny.ilo.org/dataexplorer38/?lang=en&id=EMP_TEMP_SEX_ECO_GEO_NB_A (accessed June 3, 2024).
[8] ILO, “Employment by Sex, Occupation, and Rural / Urban Areas (Thousands) – Annual,” ILOSTAT Explorer, 2023, https://rshiny.ilo.org/dataexplorer28/?lang=en&id=EMP_TEMP_SEX_OCU_GEO_NB_A (accessed June 3, 2024).
[9] คิด for คิดส์ คำนวณจากข้อมูลสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (2023).
[10] คิด for คิดส์ คำนวณจากผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2023).
[11] คิด for คิดส์ คำนวณจากข้อมูล Organisation for Economic Co-operation and Development [OECD] (2023).
[12] คิด for คิดส์ คำนวณจากผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2023).
[13] เพิ่งอ้าง.
101 Public Policy Think Tank
ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะไทยในบริบทโลกใหม่ สร้างสรรค์ความรู้ด้านนโยบายสาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มพลังให้ประชาชนสามารถตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และสังคม