E-Voting รับจบ? ‘เครื่องเลือกตั้ง’ ช่วยแก้ปัญหาการเลือกตั้งแบบไทยๆ ได้แค่ไหน?

ประเด็นสำคัญ

  • การใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ในกระบวนการเลือกตั้งมีประโยชน์ในแง่ประสิทธิภาพและความรวดเร็ว กล่าวคือ ช่วยลดบัตรเสีย ลดความผิดพลาดในการนับคะแนน และลดเวลานับและรวมคะแนน  อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ต้องตระหนักคือ เทคโนโลยีเป็นเพียงแค่ ‘เครื่องมือ’ หรือ ‘สื่อกลาง’ ในการออกเสียงเลือกตั้งเท่านั้น
  • หากระบบเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้รับการออกแบบอย่างรอบคอบและรัดกุมเพื่อปิดช่องว่างหรือบรรเทาความเสี่ยง ก็อาจบั่นทอนความเป็นความลับของการลงคะแนน-ความโปร่งใส สุจริต-ความปลอดภัย-ความง่ายและความเปิดกว้างของกระบวนการเลือกตั้งได้
  • 'ความไว้วางใจ' (trust) ของทุกภาคส่วนในสังคมต่อกระบวนการเลือกตั้งที่ใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้ โดยองค์ประกอบในการสร้างความไว้วางใจที่สำคัญไม่แพ้การออกแบบและจัดการความเสี่ยงจากเทคโนโลยีเครื่องเลือกตั้งคือ กระบวนการสร้างรากฐานในการนำเครื่องมาใช้ในกระบวนการเลือกตั้ง ได้แก่ กรอบกฎหมาย ขีดความสามารถขององค์กรการจัดการเลือกตั้ง การให้ข้อมูล-สร้างความคุ้นเคยกับกระบวนการเลือกตั้งใหม่แก่ผู้มีสิทธิ และกระบวนการทดลองการใช้งานเครื่องเลือกตั้งและกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่

E-Voting: จะดีแค่ไหน ถ้าไทยมี “สมาร์ตคูหา

– WeVis, 30 มี.ค. 66

E-voting คืออะไร? เมื่อการเลือกตั้งล่วงหน้าถูกวิจารณ์ จนมีข้อเสนอให้ใช้ระบบคอมแทน

– The MATTER, 8 พ.ค. 66

ธิษะณา ชุณหะวัณ อภิปรายรับทราบงบ กกต. ระบุควรนำเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการเลือกตั้ง เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าการลงคะแนนถูกต้องหรือไม่

– Matichon TV, 9 ส.ค. 66

เหล่านี้คือ ‘เสียง’ จากสังคมที่ตั้งคำถามไปถึงกระบวนการเลือกตั้งที่เป็นอยู่และเปิดประเด็นชวนสังคมขบคิดว่า การนำระบบลงคะแนนและนับคะแนนโดยใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Voting; E-Voting) อาจเป็น ‘ทางเลือก’ ที่ดีกว่าในการเลือกตั้งหรือไม่?

นับตั้งแต่รัฐบาล คสช. ซึ่งอ้างความชอบธรรมในการยึดอำนาจว่าจะเข้ามาปฏิรูปการเมืองให้ใสสะอาด ได้ยุติการแช่แข็งการเลือกตั้ง อาจกล่าวได้ว่าการเลือกตั้งทั่วไป 2 ครั้งล่าสุดในปี 2562 และปี 2566 เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง ข้อกังขาคาใจ และสารพัดข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่อสารพันปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีบัตรเขย่ง การรายงานผลคะแนนแบบสดผ่านระบบออนไลน์ที่น่าสงสัย หรือการรวมคะแนนผิดพลาดที่ไม่ได้รับการแก้ไขเมื่อถูกทักท้วงในบางกรณี ฯลฯ

คำถามคือ เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Voting Machine; EVM) คือเครื่องมือที่จะสามารถช่วยยกระดับการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เที่ยงตรง โปร่งใส จนลดความแคลงใจ และเพิ่มความไว้วางใจต่อกระบวนการเลือกตั้งได้มากกว่าวิธีเลือกตั้งด้วยบัตรกระดาษแบบเดิมๆ ได้หรือไม่

101 PUB – 101 Public Policy Think Tank ชวนทำความรู้จัก ‘เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์’ ศักยภาพในการแก้ปัญหาของเทคโนโลยี ความเสี่ยงที่ตามมาซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดหลักการพื้นฐานของการเลือกตั้งหากไม่มีการจัดการที่ดีเพียงพอ รวมถึงเงื่อนไขที่ต้องบรรลุหากนำเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ในกระบวนการเลือกตั้ง เพื่อให้กระบวนการเลือกตั้งได้รับความเชื่อมั่น

เลือกตั้งทีไร เกิดเรื่องชวนสงสัยทุกที?

หากมองย้อนกลับไปในการเลือกตั้งปี 2562 หนึ่งในประเด็นชวนข้องใจในปีนั้นคงหนีไม่พ้น ‘บัตรเขย่ง’ ที่พบว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ถูกใช้ แม้ว่าบัตรจะหายไปเพียง 9 ใบก็ตาม[1]“บัตรเขย่ง,” ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า, https://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%87 ส่วนการนับคะแนนและการรายงานผล รายงานจากโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ก็ตั้งข้อสังเกตว่าเกิด ‘ความผิดปกติ’ ระหว่างการรายงานผลแบบ Real Time (ซึ่งถูกใช้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว) นานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการรายงานผลคะแนนที่กินเวลายาวนานและผลแพ้ชนะพลิกไปมาตลอดคืนจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น หรือกรณีคะแนนหายที่คะแนนของผู้สมัครบางรายถูกปรับลดโดยที่ไม่มีคำอธิบาย[2]ilaw และ ELECT, รายงาน “คะแนนที่ถูกจัดการ” ระหว่างการรายงานผล, 6 มกราคม 256 นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าสัดส่วนบัตรเสียอยู่ในระดับสูงกว่าปกติที่ 5.6% เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยสัดส่วนบัตรเสียของการเลือกตั้งทั่วโลก ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 3-4%[3]101 PUB อ้างอิงการคำนวณสัดส่วนบัตรเสียเฉลี่ยจากการเลือกตั้งทั่วโลกจาก ACE Electoral Knowledge Network ซึ่งใช้ฐานข้อมูลผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง (Voter Turnout Database) ของ International IDEA … Continue reading

ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดปี 2566 เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อกระบวนการจัดเลือกตั้งก็ยังคงไม่หายไปไหน เช่น การออกแบบบัตรเลือกตั้งที่ชวนสับสน ที่แม้ว่าบัตรเลือกตั้งสองใบสำหรับ สส.เขต และ สส.บัญชีรายชื่อ จะแยกสีอย่างชัดเจน แต่กลับกลายเป็นว่า บัตรเลือก สส.เขต เป็น ‘บัตรโหล’ ที่มีเพียงแค่เบอร์ผู้สมัครเท่านั้น ไม่มีสัญลักษณ์พรรคและชื่อพรรคกำกับเหมือนกับบัตรเลือก สส.บัญชีรายชื่อ ผลักภาระให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องจดจำหมายเลขผู้สมัคร สส. และหมายเลขพรรคการเมืองที่ต่างกัน

บัตรโหลที่ใช้สำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในปี 2566 (ที่มา: Facebook – Sawaeng Boonmee)

ในกระบวนการนับคะแนนและรายงานผล ปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนบนแพลตฟอร์มจับตาการเลือกตั้งอย่าง vote62 มากที่สุดคือ การนับและรวมผลคะแนนพลาด ซึ่งเกิดขึ้น 285 กรณี แต่ทักท้วงแล้วกรรมการประจำหน่วย (กปน.) ไม่ยอมแก้ไข 153 กรณี[4]“เปิดผลจับตาเลือกตั้ง 66 พบเรื่องร้องเรียน ‘รวมคะแนนผิด’ มากสุด แนะอบรม-ให้ความรู้ กปน. ให้มากขึ้น,” ประชาไท, 20 พฤษภาคม 2566, https://prachatai.com/journal/2023/05/104215 อีกทั้งการยืนยันและรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยังกินเวลาร่วม 1 เดือนเศษๆ นับจากวันเลือกตั้ง (14 พฤษภาคม-19 มิถุนายน 2566) ซึ่งถือว่าช้ากว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ[5]ilaw, “นี่คือการนับคะแนนที่นานที่สุด” เครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์เลือกตั้ง 66’ ทวงถามผลเลือกตั้งจาก กกต. หลังครบหนึ่งเดือน” Facebook, 14 มิถุนายน 2023, … Continue reading

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างปัญหาส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งยังไม่นับว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นก็เกิดข้อกังขาต่อกระบวนการจัดการเลือกตั้งในทำนองเดียวกันไม่มากก็น้อย

ไม่ว่าจะเกิดขึ้น ‘โดยสุจริต’ หรือไม่ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความไม่มีประสิทธิภาพและความผิดพลาดเหล่านี้ไม่เพียงแค่สร้างความเคลือบแคลงใจและค่อยๆ กร่อนความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อการใช้สิทธิออกเสียงตามเจตนารมณ์ของประชาชน เช่น

  • เมื่อบัตรเลือกตั้งไม่ได้มีหน้าตาที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้สิทธิเท่าที่ควร ก็อาจสร้างความสับสนในการลงคะแนนและเสี่ยงที่ผู้ใช้สิทธิจะลงคะแนนพลาดไปจากที่ตั้งใจไว้
  • แม้บัตรเสียอาจดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นตัวเลขที่สูงมากนัก แต่หากปราศจากบัตรเสีย คะแนนที่ถูกนับตรงตามเจตนารมณ์ของผู้ลงคะแนนที่เพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจเปลี่ยนผลเลือกตั้งและเปลี่ยนผู้ชนะในบางเขตการเลือกตั้งได้ ซึ่งมีความหมายอย่างมากท่ามกลางบริบททางการเมืองที่มีความขัดแย้งสูง เช่น ในการเลือกตั้งปี 2566 ผู้ชนะการเลือกตั้งของเขตการเลือกตั้งที่ 20 กรุงเทพมหานครอาจเปลี่ยนหากบัตรเสีย 1,680 ใบกลายเป็นบัตรดี เนื่องจากคะแนนระหว่างผู้สมัครจากพรรคอันดับ 1 และผู้สมัครจากพรรคอันดับ 2 ที่ห่างกันเพียงแค่ 4 คะแนนเท่านั้น

การนับผลคะแนนและรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่ล่าช้าเกินควรยังอาจส่งผลกระทบให้การเปิดสภาล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น แม้รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 85 จะกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการหลังตรวจสอบผลว่าเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรมได้ช้าที่สุดภายใน 60 วันหลังเลือกตั้ง แต่การจะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อนเท่านั้น ดังนั้น ยิ่งรับรองผลเลือกตั้งได้เร็ว (และเที่ยงตรง) ก็ยิ่งเปิดสภา ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินได้เร็วขึ้นเท่านั้น

เร็ว แรง แม่น คะแนนไม่เสีย: ปัญหาที่ ‘เครื่องเลือกตั้ง’ แก้ได้ดี

เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ‘เครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง’ คืออะไร และสามารถแก้ไขปัญหาใด (และไม่สามารถแก้ปัญหาใด) ในกระบวนการเลือกตั้งได้บ้าง

เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ คือเทคโนโลยีการลงคะแนนและ/หรือการนับและรวมผลคะแนนเลือกตั้ง[6]เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเลือกตั้งมีหลายรูปแบบ โดยมีทั้งประเภทที่ทำหน้าที่ทั้งกระบวนการ ‘ลง’ และ ‘นับ’ คะแนน … Continue reading ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือก ‘ทดแทน’ การใช้ปากกาเขียนเครื่องหมายในการออกเสียงเลือกผู้สมัครลงบนบัตรเลือกตั้งก่อนหย่อนลงหีบและการนับคะแนนโดยมนุษย์ โดยกระบวนการลงคะแนนจะเกิดขึ้นในพื้นที่หน่วยเลือกตั้งเท่านั้น

เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งต้นแบบรุ่นที่ 4 ของไทย (Thai Voting Machine; TVM) ปัจจุบันยังอยู่ในระยะศึกษาและเตรียมพร้อม โดยเปิดให้หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ สหกรณ์ และสถานศึกษาสามารถนำไปทดลองใช้ในการเลือกตั้งภายในองค์กรได้

ทั้งนี้ การออกเสียงโดยใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ต่างจากการลงคะแนน ‘ผ่านอินเทอร์เน็ต’ หรือ Internet Voting (I-Voting) ซึ่งเป็นการลงคะแนนทางไกล ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถออกเสียงจากที่ไหนก็ได้โดยที่ไม่ต้องไปที่ลงคะแนนที่คูหา รวบรวมคะแนนและประมวลผลผ่านอินเทอร์เน็ต โดยมักถูกใช้เพื่อเป็นทางเลือก ‘เสริม’ เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าทดแทนการลงคะแนนด้วยบัตรกระดาษในคูหาไปเลย เช่น เอสโตเนียที่ขึ้นชื่อว่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบ Internet Voting ก็ใช้วิธีการลงคะแนนผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเท่านั้น แต่ไม่ได้เปิดให้ลงคะแนนแบบ I-Voting ในวันเลือกตั้งจริง

เทคโนโลยีมาพร้อมกับโอกาสและความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่บัตรเลือกตั้งทำไม่ได้ รายงานที่ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนหนึ่ง[7]Peter Wolf, Introducing Electronic Voting: Essential Considerations (Stockholm: International IDEA, 2011); Ben Goldsmith and Holly Ruthrauff, Implementing and Overseeing Electronic Voting and Counting Technologies, (Washington, D.C.: IFES and NDI, 2013 ชี้ว่า จุดแข็งที่เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งมีเหนือกว่าการใช้บัตรเลือกตั้งลงคะแนนอย่างชัดเจน ได้แก่

ลดบัตรเสีย

นอกจากจะมีตัวช่วยแสดงผล การใช้วิธี ‘กดปุ่ม’ (เพื่อลงคะแนนโดยตรงหรือเพื่อให้เครื่องพิมพ์บัตร) ยังถือว่าเป็นการลดโอกาสที่ผู้ลงคะแนนเสียงอาจใช้ปากกาทำสัญลักษณ์หรือเขียนตัวเลือกได้ไม่ชัดเจนเพียงพอหรือผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ

ลดความผิดพลาดในการนับคะแนน

การใช้วิธีกดปุ่มเลือกตัวเลือกในการลงคะแนนหรือใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออ่านและสแกนผลคะแนนถือเป็นการทดแทนกระบวนการวินิจฉัยบัตรโดยมนุษย์ ซึ่งอาจเกิดข้อผิดพลาดในการอ่านบัตรได้ รวมถึงเป็นสามารถตัดข้อถกเถียงได้เมื่อสัญลักษณ์บนบัตรมีความคลุมเครือและยากที่จะวินิจฉัย

ลดเวลานับและรวมคะแนน

การนับและรวมคะแนนด้วยมือย่อมใช้เวลา ยิ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก เวลาที่ใช้ในการนับและรวมคะแนนก็ยิ่งเพิ่มตาม การนับคะแนนแบบอัตโนมัติด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถช่วยร่นระยะเวลาได้ และช่วยให้ทราบผลการเลือกตั้งได้เร็วขึ้น

การตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งแทนบัตรเลือกตั้งของประเทศบราซิลสามารถแก้ไขปัญหาบัตรเสีย นับคะแนนพลาด และลดเวลานับและรวมคะแนนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจุดแข็งเหล่านี้จะเป็น ‘ผลลัพธ์’ ที่ได้ มากกว่าจะเป็น ‘เหตุผลแรกเริ่ม’ หรือ ‘เป้าหมาย’ ที่ทำให้บราซิลตัดสินใจเลือกใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งแทนบัตรเลือกตั้งก็ตาม

การใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งประเภทเครื่องบันทึกคะแนนโดยตรง (Direct Recording Electronics: DREs)[8]เครื่องบันทึกคะแนนโดยตรง คือรูปแบบหนึ่งของเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ บนเครื่องจะประกอบไปด้วยการแสดงผลตัวเลือกและปุ่มกด หรือระบบ touch screen … Continue reading) ของบราซิลช่วยเปลี่ยนวิธีลงคะแนนผ่านบัตรแบบเดิมที่กำหนดให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งต้องเขียนหมายเลขและชื่อของผู้สมัครให้เหลือแค่การกดปุ่ม ลดความซับซ้อนและภาระในการจดจำชื่อและหมายเลขผู้สมัครของผู้ลงคะแนน โดยเฉพาะในการเลือกตั้งรัฐสภาที่มีการลงคะแนนเลือกผู้แทนหลายตำแหน่งพร้อมกัน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่รู้หนังสือสามารถลงคะแนนได้สะดวกขึ้น (แน่นอนว่าการเขียนตัวอักษรไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับประชากรที่ไม่รู้หนังสือ ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 20% จากประชากรทั้งหมดตามข้อมูลสำมะโนครัวประชากรปี 1990) และช่วยให้เจ้าหน้าที่นับคะแนนประจำหน่วยไม่ต้องลำบากในการอ่านลายมือบนบัตรเพื่อวินิจฉัยคะแนน ซึ่งเสี่ยงนับคะแนนพลาดและใช้เวลายาวนานในการนับและรวมคะแนน

ผลคือ สัดส่วนบัตรเสียจากการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรปี 1990 เคยสูงถึง 40% แทบไม่เหลือ[9]Goldsmith and Ruthrauff, Implementing and Overseeing Electronic Voting and Counting Technologies, 82-83. ขณะที่เวลานับและรวมคะแนนเคยกินเวลาร่วมสัปดาห์เหลือเพียงแค่หลักชั่วโมงหลังเวลาปิดคูหา อย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2010 ก็สามารถนับและรวมผลคะแนนเสร็จสิ้นได้ภายใน 75 นาทีเท่านั้น[10]Heroik M. Pratama and Nurul Amalia Salabi, Adoption of Voting Technology: A Guide for Electoral Stakeholders in Indonesia (Stockholm: International Institute for Democracy and Electoral Assistance; Jakarta: Perludem, 2020), 16.

นอกจากจะแก้ไขปัญหาบัตรเสีย นับ-รวมคะแนนพลาดและใช้เวลานาน เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาการโกงเลือกตั้งได้ แต่จะสามารถป้องกัน ‘วิธีโกง’ ได้เพียงบางรูปแบบเท่านั้น เช่น การอาศัยช่วงการนับคะแนนที่กินเวลายาวนานเพื่อแทรกแซงและเปลี่ยนแปลงคะแนนในกรณีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรของบราซิล (ปัญหาที่พบคือ ผนึกหีบบัตรเลือกตั้งถูกเปิดและคะแนนที่ถูกนับสูงเกินจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง[11]Rodrigo Schneider, Free or Fair Elections? The Introduction of Electronic Voting in Brazil, Economía, Vol. 21, No. 1 (Fall 2020), 78-79. หรือการปิดคูหารุมหย่อนบัตรเลือกตั้ง (ballot-stuffing) เพื่อให้ได้ผู้แทนที่ต้องการ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในบางรัฐของอินเดียที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูง[12]Sisir Debnath, Mudit Kapoor, and Shamika Ravi, “The Impact of Electronic Voting Machines on Electoral Frauds, Democracy, and Development” Indian School of Business WP Forthcoming (March 16, 2017), https://ssrn.com/abstract=3041197

จะใช้ ‘บัตร’ หรือ ‘เครื่อง’ กระบวนการเลือกตั้งต้องยืนอยู่บนหลักการ

ดูเหมือนว่าเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์จะมอบประโยชน์มหาศาลในแง่ประสิทธิภาพและความรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ต้องตระหนักคือ เทคโนโลยีเป็นเพียงแค่ ‘เครื่องมือ’ หรือ ‘สื่อกลาง’ ในการออกเสียงเลือกตั้งเท่านั้น

การออกแบบและพัฒนากระบวนการเลือกตั้งที่ใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ต้องวางอยู่บนหลักการพื้นฐานของการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่และไม่บั่นทอนหลักการเหล่านั้นเพื่อให้ประกันความน่าเชื่อถือและความน่าไว้วางใจของกระบวนการลงคะแนนเสียงและผลคะแนน เช่นเดียวกับที่กระบวนการเลือกตั้งโดยการใช้บัตรกระดาษออกเสียงในคูหาปิดและหย่อนลงในหีบปิดถูกออกแบบไว้ (ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ากระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามอุดมคติ)

หลักการสำคัญที่ขาดไม่ได้และเป็นรากฐานของกระบวนการเลือกตั้งผ่านเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าเชื่อถืออาจสรุปได้ใน 4 หลักการ ดังนี้

1. เป็นความลับ (Secrecy)

เพื่อการันตีว่าผู้ใช้สิทธิจะสามารถลงคะแนนให้กับผู้สมัครหรือพรรคที่อยากมอบคะแนนให้ได้จริงอย่างเป็นอิสระ ตรงตามเจตนารมณ์ของตน ปราศจากการข่มขู่ บีบบังคับ คุกคาม หรือซื้อเสียงเพื่อเปลี่ยนใจผู้มีสิทธิไม่ให้ออกเสียงตามที่ตนเองต้องการ กระบวนการออกเสียงของผู้ใช้สิทธิจะต้องไม่มีใครล่วงรู้ว่าลงคะแนนให้กับผู้สมัครคนไหน กล่าวคือ การลงคะแนนต้องไม่สามารถย้อนกลับมาเชื่อมโยงกับตัวตนของผู้ใช้สิทธิได้ ต้องไม่สามารถระบุหรือพิสูจน์อย่างเจาะจงได้ว่าผู้มีสิทธิออกเสียงคนไหนเลือกผู้สมัครหรือพรรคใดไป ไม่เช่นนั้นแล้ว ผู้ใช้สิทธิอาจไม่กล้าออกเสียงอย่างเป็นอิสระ อาจต้องจำยอมเลือกตามแรงกดดันของสังคมรอบตัว หรืออาจถูกข่มขู่ (หรือกระทั่งทำร้าย) จากผู้ที่พยายามซื้อเสียง 

2. โปร่งใส สุจริต (transparency and integrity)

แม้ว่าการลงคะแนนเสียงของผู้ใช้สิทธิจะต้องเป็นความลับ อย่างไรก็ตาม คะแนนเสียงทั้งหมดก็ต้องสามารถพิสูจน์ยืนยันได้เช่นกันว่าเป็นคะแนนของผู้ใช้สิทธิจริง ถูกนับตามความเป็นจริงอย่างถูกต้องตามที่ผู้ใช้สิทธิออกเสียงไป และสามารถตรวจสอบยืนยันได้ว่าการลงคะแนนเสียงทั้งหมดนั้นสะท้อนคะแนนเสียงตามเจตนารมณ์ของผู้ใช้สิทธิจริง

3. ปลอดภัย (security)

ไม่เพียงแค่ว่าคะแนนที่ผู้ใช้สิทธิออกเสียงจะต้องถูกนับตามความเป็นจริงอย่างเที่ยงตรงและตรวจสอบได้ แต่คะแนนเสียงที่ออกไปแล้วก็ต้องไม่ถูกเปลี่ยนแปลง แทรกแซง หรือบิดเบือนไปจากเจตนารมณ์ของผู้มีสิทธิเช่นกัน และต้องได้รับป้องกันไม่ให้การเปลี่ยนแปลงหรือการแทรกแซงดังกล่าวเกิดขึ้น

4. ใช้งานง่าย (accessibility and usability)

การใช้สิทธิลงคะแนนอย่างเป็นความลับและถูกนับจริงตามเจตนารมณ์ยังต้อง ‘เปิดกว้าง’ ให้ผู้ที่มีสิทธิทุกคนสามารถออกเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ วิธีการออกเสียงต้องสร้างโอกาสและเอื้อให้คนทุกกลุ่มในสังคมที่มีสิทธิเลือกตั้งสามารถมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งได้ง่าย สะดวก แม่นยำ เที่ยงตรง และปราศจากอุปสรรคมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่ามีข้อจำกัดทางร่างกาย เช่น การมองเห็น หรือเป็นชนกลุ่มน้อยที่พูดต่างภาษา เป็นต้น

เครื่องเลือกตั้งมีความเสี่ยง ต้องถูกออกแบบให้รักษาหลักการ

ไม่ต่างจากเหรียญที่มีสองด้าน เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้เพียงสร้างโอกาสในการแก้ไขปัญหาบางประการจากกระบวนการเลือกตั้งแบบเดิมเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่ง ‘ความเสี่ยง’ และ ‘ความท้าทาย’ รูปแบบใหม่ที่อาจนำไปสู่การละเมิดหลักการพื้นฐานของการเลือกตั้งที่ดีในระบอบประชาธิปไตยเช่นกัน

หากระบบเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้รับการออกแบบอย่างรอบคอบและรัดกุมเพื่อปิดช่องว่างหรือบรรเทาความเสี่ยง ก็อาจบั่นทอนความเป็นความลับของการลงคะแนน-ความโปร่งใส สุจริต-ความปลอดภัย-ความง่ายและความเปิดกว้างของกระบวนการเลือกตั้งได้

การลงคะแนนอาจไม่ถูกรักษาเป็นความลับเสมอไป?

โดยทั่วไป การออกเสียงผ่านเครื่องลงคะแนนย่อมเกิดขึ้นในคูหาลับและคะแนนก็เข้าระบบไปโดยที่ไม่มีใครมองเห็นได้ อย่างไรก็ดี ช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นและต้องระวังคือการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง ‘ตัวตน’ ผู้ใช้สิทธิและ ‘ตัวเลือก’ ที่ผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเข้าระบบ’

จุดหนึ่งที่อาจกลายเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลสองชุดดังกล่าวได้คือ ‘เวลาการลงคะแนน’ (timestamp) ที่อาจถูกบันทึกลงในระบบพร้อมกับข้อมูลตัวเลือกตามลำดับเวลาการลงคะแนน[13]Goldsmith and Ruthrauff, Implementing and Overseeing Electronic Voting and Counting Technologies, 58-59. หากมีผู้ใดทราบเวลาที่ผู้ใช้สิทธิมาลงคะแนนหรือรู้ลำดับการลงคะแนนของผู้ใช้สิทธิและสามารถเข้าถึงข้อมูลผลการลงคะแนนที่บันทึกบนเครื่องได้ ก็อาจทราบได้ว่าผู้ใช้สิทธิแต่ละคนออกเสียงอย่างไร เพื่อรักษาให้การลงคะแนนเป็นความลับ หนทางปิดช่องโหว่ก็คือ ต้องกำหนดมาตรการจำกัดการเข้าถึงชุดข้อมูลดังกล่าว กล่าวคือ ต้องมีการกำหนดอย่างชัดเจนและรัดกุมว่าใครคือผู้มีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลการลงคะแนน และจะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ภายใต้เงื่อนไขแบบไหน อย่างไร

นอกจากนี้ ในกรณีที่ออกแบบเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งให้ทำหน้าที่ ‘ยืนยันตัวตนผู้ใช้สิทธิ’ (voter identification) เพื่อลงทะเบียนใช้สิทธิ ข้อมูลตัวตนผู้ใช้สิทธิและตัวเลือกที่ผู้ใช้สิทธิลงคะแนนไปก็เสี่ยงที่จะเชื่อมโยงถึงกันได้[14]Wolf, Introducing Electronic Voting: Essential Considerations, 23-24. การออกแบบระบบในทางเทคนิคจึงต้องแก้ไขหรือต้องระวังไม่ให้เกิดช่องโหว่ดังกล่าวเช่นกัน

เครื่องเลือกตั้งเป็น ‘กล่องดำ’ (black box) มองไม่เห็นได้ด้วยตาว่าบันทึกคะแนนตรงหรือไม่-ตรวจสอบนับคะแนนใหม่ไม่ได้?  

โดยธรรมชาติ เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งถือว่ามีความเสี่ยงเรื่องความโปร่งใสมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้บัตรกระดาษลงคะแนน เมื่อผู้ใช้สิทธิใช้ปากกาทำเครื่องหมายลงบนบัตร ผู้ใช้สิทธิย่อมเห็นได้ด้วยตาว่าตนเองเลือกผู้สมัครหรือพรรคใดบนบัตรเลือกตั้งก่อนที่จะนำบัตรไปหย่อนลงในหีบปิด ขณะที่การลงคะแนนโดยใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกรณีเครื่องบันทึกคะแนนโดยตรง ผู้ใช้สิทธิจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าเมื่อลงคะแนนเข้าระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจะบันทึกคะแนนตรงตามที่ตนเลือกและยืนยันจริงหรือไม่ เพราะไม่สามารถเห็นกลไกการทำงานภายในเครื่องได้ 

นอกจากนี้ เมื่อมีความจำเป็นต้องนับคะแนนใหม่เพื่อตรวจสอบว่าการนับคะแนนเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ การตรวจสอบยืนยันก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่สามารถใช้เป็นคู่เทียบกับคะแนนที่ระบบบันทึกได้   

แนวทางที่เป็นที่นิยมในการบรรเทาความเสี่ยงและยกระดับความโปร่งใสของเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งคือ การเพิ่ม ‘บัตรยืนยันการลงคะแนน’ (voter-verifiable paper audit trails: VVPAT) ซึ่งเป็นบัตรกระดาษที่พิมพ์ออกมาหลังจากลงคะแนนเข้าระบบ เพื่อใช้เป็นหลักฐานที่มองเห็นได้ด้วยตาและจับต้องได้ว่าเครื่องลงคะแนนได้บันทึกตัวเลือกตามที่ผู้ใช้สิทธิออกเสียงจริง อย่างไรก็ดี เพื่อรักษาความเป็นความลับในการออกเสียง ต้องมีหีบปิดแยกเพื่อให้ผู้ใช้สิทธิหย่อนบัตรยืนยันการลงคะแนนหลังตรวจสอบเสร็จ หรือในบางกรณี เครื่องพิมพ์บัตรยืนยันใบลงคะแนนอาจเพียงแค่พิมพ์และแสดงบัตรให้เห็นเพื่อเป็นการยืนยันเท่านั้น อย่างเครื่อง VVPAT ที่พ่วงมากับเครื่องบันทึกคะแนนโดยตรงของอินเดีย

หรือหากไม่เพิ่มเครื่องพิมพ์บัตรยืนยันการลงคะแนน กรณีสหรัฐฯ ที่หลายมลรัฐในช่วง 2 ทศวรรษหลังที่ผ่านมาก็หันไปใช้เครื่องพิมพ์บัตรเลือกตั้งพร้อมสแกนผลที่ผู้ใช้สิทธิสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการลงคะแนนบนบัตรได้ก่อนส่งให้เครื่องสแกนผลและนับคะแนน แทนเครื่องบันทึกคะแนนโดยตรงแบบที่ไม่มีบัตรยืนยันการลงคะแนน[15]“Voting technology,” MIT Election Data + Science Labhttps://electionlab.mit.edu/research/voter-turnout.

อีกทั้งหากต้องมีการนับคะแนนใหม่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของผลการเลือกตั้ง ก็สามารถใช้บัตรยืนยันการลงคะแนนเพื่อ ‘ตรวจสอบ’ (audit) ว่าผลการนับคะแนนด้วยเครื่องและด้วยมือตรงกันหรือไม่

เครื่องบันทึกคะแนนโดยตรง (DREs) พร้อมเครื่องพิมพ์บัตรยืนยันการลงคะแนน (VVPAT) ของอินเดีย (ที่มา: Wikimedia Commons)

เครื่องพิมพ์บัตรเลือกตั้งและสแกนผลคะแนน (BMD) ที่ใช้ในเมืองเฮย์ส (Hayes County) รัฐเท็กซัส สหรัฐฯ (ที่มา: The Texas Tribune)

คะแนนอาจถูกปรับเปลี่ยนและแทรกแซง?

เมื่อใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการบันทึก นับและรวมคะแนน ความเสี่ยงหนึ่งที่ย่อมเกิดขึ้นคือการที่ ‘ข้อมูลคะแนน’ อาจถูกปรับเปลี่ยนจากการเจาะระบบหรือโจมตีทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะจากผู้ไม่หวังดีจากภายนอกหรือผู้ที่มีหน้าที่ในกระบวนการเลือกตั้งก็ตาม  

ไม่เพียงแค่ข้อมูลคะแนนเท่านั้นที่สุ่มเสี่ยงจะไม่ปลอดภัย แต่ ‘ระบบการทำงาน’ ของเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์เช่นกันที่อาจมีช่องโหว่โดยธรรมชาติ หรือได้รับความเสียหายและทำงานได้ไม่สมบูรณ์หรือเที่ยงตรง เนื่องจากมีโอกาสที่รหัส (code) ควบคุมระบบการทำงานอาจถูกแทรกแซง  

อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงจากการที่ข้อมูลคะแนนอาจถูกแทรกแซงสามารถบรรเทาได้โดยการกำหนดกลไกด้านความปลอดภัย (security mechanism) อย่างรัดกุม กล่าวคือ ข้อมูลคะแนนต้องได้รับการเข้ารหัส (encrypt) ตั้งแต่รับคะแนนเข้าระบบจนถึงกระบวนการรวมคะแนนเพื่อไม่ให้ข้อมูลสามารถถูกอ่านหรือแทรกแซงได้โดยผู้ที่ไม่มีอำนาจรับผิดชอบ และต้องกำหนดมาตรการจำกัดการถอดรหัส (decrypt) ข้อมูลว่าสามารถทำได้ภายใต้เงื่อนไขแบบใดบ้าง[16]Goldsmith and Ruthrauff, Implementing and Overseeing Electronic Voting and Counting Technologies, 141.

ส่วนระบบการทำงานของเครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง ต้องมีกลไกการตรวจสอบ (audit mechanism) เป็นประจำว่า เครื่องลงคะแนนทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ บันทึกคะแนนหรือนับคะแนนตามการออกเสียงจริงหรือไม่ เพื่อเป็นการหาช่องโหว่ ความบกพร่องหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบ และนำไปสู่การพัฒนาระบบเพื่อปิดช่องโหว่ นอกจากนี้ ยังควรมีกระบวนการตรวจสอบเครื่องลงคะแนน-ผลคะแนนทันทีหลังการเลือกตั้งเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ว่า เครื่องนับคะแนนอย่างเที่ยงตรงจริง[17]เพิ่งอ้าง, 205.

นอกจากกระบวนการรับรอง (Certification)[18]การรับรองเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ (Certification) … Continue reading ซึ่งสามารถยืนยันความเที่ยงตรงได้เพียงแค่ทางอ้อมเท่านั้น วิธีหนึ่งที่สามารถใช้ในการตรวจสอบการทำงานของเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ได้คือการใช้บัตรยืนยันการลงคะแนน อย่างอินเดียที่ศาลสูงสุดสั่งให้นำบัตรยืนยันการลงคะแนนมาใช้พ่วงกับเครื่องบันทึกคะแนนโดยตรงในการเลือกตั้งปี 2014 หลังเกิดข้อถกเถียงสาธารณะว่าเทคโนโลยีเครื่องลงคะแนนปลอดภัยจริงหรือไม่ในช่วงปี 2010[19]Wolf, Introducing Electronic Voting: Essential Considerations, 24. เพื่อให้มีหลักฐานตรวจสอบความเที่ยงตรงในการทำงานของระบบเครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง นอกจากนี้ ผลลัพธ์อีกอย่างที่ได้มาพร้อมกันก็คือ การยกระดับความโปร่งใสของการลงคะแนนดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

ตัวเลือกแสดงผลชวนสับสน เป็นอุปสรรคต่อการเข้าใจและเลือกตัวเลือกที่ตรงตามตั้งใจ

ไม่ต่างจากการออกแบบบัตรกระดาษ วิธีการลงคะแนนและการแสดงผลตัวเลือกบนเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งก็เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการออกแบบเพื่อให้เครื่องแสดงข้อมูลตัวเลือกที่ชัดเจนมากเพียงพอ เพื่อป้องกันความสับสนในการลงคะแนน ดังนั้น การแสดงผลของเครื่องลงคะแนนจึงควรแสดงข้อมูลหมายเลขผู้สมัคร ชื่อผู้สมัคร และสัญลักษณ์พรรคที่สังกัดได้ เพื่อช่วยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจตัวเลือกที่มีอยู่ ไม่ว่าจะสำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตหรือการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงมีระบบสนับสนุนที่ช่วยให้ผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย เช่นการมองเห็นสามารถลงคะแนนได้

กล่าวโดยสรุป ธรรมชาติของเทคโนโลยีเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์อาจเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในกระบวนการเลือกตั้งก็จริง แต่ไม่ได้ส่งผลให้เกิด ‘การเลือกตั้งที่ดี’ โดยอัตโนมัติแต่อย่างใด หากแต่ต้องอาศัยการออกแบบกลไกที่เหมาะสม รวมถึงเปิดให้กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง ภาคประชาสังคม และผู้เชี่ยวชาญเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้กระบวนการเลือกตั้งที่ใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ดำเนินไปตามหลักการ น่าเชื่อถือ และตอบโจทย์ความท้าทายเฉพาะของแต่ละประเทศ

ต่อให้เทคโนโลยีล้ำที่สุด ถ้า ‘กระบวนการ’ ไม่ชอบธรรม สังคมก็ไม่ไว้ใจการเลือกตั้งแบบใหม่

อย่างไรก็ดี ต่อให้เทคโนโลยีการลงคะแนนเลือกตั้งจะถูกออกแบบกลไกมาอย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การละเมิดหลักการพื้นฐานอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว แต่นั่นเป็นเพียงแค่องค์ประกอบเล็กๆ ในการสร้าง ‘ความไว้วางใจ’ (trust) ของทุกภาคส่วนในสังคมต่อกระบวนการเลือกตั้งที่ใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ซึ่งงานศึกษาของ International IDEA ชี้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้[20]เพิ่งอ้าง, 16-17. เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่กระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และผลการเลือกตั้งที่ออกมานั้นได้รับการยอมรับอย่างเป็นวงกว้าง มีความชอบธรรม และตั้งมั่นต่อไปได้

องค์ประกอบอื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้การออกแบบและจัดการความเสี่ยงของเทคโนโลยีเครื่องเลือกตั้งคือ กระบวนการสร้างรากฐานในการนำเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการเลือกตั้ง[21]Pratama and Salabi, Adoption of Voting Technology A Guide for Electoral Stakeholders in Indonesia, 74. โดยกระบวนการที่ขาดหายไปไม่ได้ ได้แก่

ปรับกรอบกฎหมายที่รองรับกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่

เมื่อเปลี่ยน ‘เครื่องมือ’ ในการออกเสียงและนับคะแนนเลือกตั้ง กระบวนการจัดการเลือกตั้ง วิธีการออกเสียง การนับคะแนนเสียงและการประกาศคะแนนย่อมเปลี่ยนตาม กรอบกฎหมายจึงต้องได้รับการปรับเพื่อเป็น ‘หลักพิง’ รองรับกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่ให้ชอบด้วยกฎหมายและกำหนดกติกาเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติและสร้างความรับผิดรับชอบ

สมมติว่าหากประเทศไทยที่อยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อมเพื่อใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์มาเป็นเวลาร่วม 20 กว่าปีตัดสินใจจะหันมาใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง ก็ต้องกลับไปพิจารณาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.ป. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2560, พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ตราออกมาในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง (ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น) แม้กฎหมายจะระบุเปิดช่องให้กำหนดวิธีออกเสียงโดยวิธีอื่นที่ไม่ใช่บัตรกระดาษ [22]มาตรา 84 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2560; มาตรา 75 พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562. ไว้แล้วก็ตาม แต่กฎหมายควรกำหนดวิธีออกเสียงอย่างชัดเจนว่าให้ใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ออกเสียงได้ ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดวิธีออกเสียง นับคะแนน และประกาศคะแนน รวมถึงระเบียบปฏิบัติของเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้อง

กฎหมายยังควรถูกกำหนดให้มีกระบวนการสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ในกระบวนการเลือกตั้ง เช่น ต้องกำหนดผู้ที่มีอำนาจและมาตรฐานในรับรองว่าเครื่องลงคะแนนทำงานเที่ยงตรงก่อนใช้งานในการเลือกตั้งจริง, กำหนดกลไกและมาตรฐานทางสถิติในการตรวจสอบว่าเครื่องลงคะแนนนับคะแนนเที่ยงตรงหรือไม่, ช่วงเวลาและผู้ที่มีสิทธิเข้าถึงเครื่องลงคะแนน, มาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และสิทธิของภาคส่วนต่างๆ เช่น ภาคประชาสังคม พรรคการเมือง ในการสังเกตการณ์เลือกตั้ง

นอกจากนี้ ต้องพิจารณากฎหมายเดิมที่มีอยู่ว่าขัดต่อกระบวนการเลือกตั้งผ่านเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์หรือกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจกระทบต่อการใช้เทคโนโลยีในการเลือกตั้ง อย่างกรณีเยอรมนีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้การใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากขัดต่อหลักของการเลือกตั้งที่ต้อง ‘เปิด’ ต่อสาธารณชน [23]“Judgment of 3 March 2009,” Federal Constitutional Court, https://www.bundesverfassungsgericht.de/SharedDocs/Entscheidungen/EN/2009/03/cs20090303_2bvc000307en.html

พัฒนาขีดความสามารถในการเปลี่ยนไปใช้ ‘เครื่องเลือกตั้ง’ ขององค์กรการจัดเลือกตั้ง

องค์กรการจัดเลือกตั้งต้องมีขีดความสามารถเพียงพอที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่กระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ การจัดเลือกตั้งด้วยเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ย่อมอาศัยทักษะบางส่วนที่ต่างออกไปจากการจัดเลือกตั้งโดยใช้บัตรกระดาษและหีบลับ เมื่อองค์กรจัดการเลือกตั้งมีอำนาจรับผิดชอบในการอำนวยการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างเสรีและเที่ยงธรรม ก็ต้องพัฒนาศักยภาพและความรู้ หรือสรรหาบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้าน IT เพื่อให้สามารถเข้าใจ ควบคุมการใช้งาน และดูแลรักษาซ่อมบำรุงระบบเครื่องได้

ที่สำคัญคือ ทุกระดับขององค์กรยังต้องเข้าใจและสามารถดำเนินกระบวนการจัดการเลือกตั้งโดยใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างชำนาญ ซึ่งอาจทำได้ผ่านการจัดฝึกอบรมเพื่อปิดช่องว่างทักษะ และการทดลองจัดกระบวนการเลือกตั้งโดยใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์จนชำนาญ

ให้ข้อมูล-สร้างความคุ้นเคยกับกระบวนการเลือกตั้งใหม่แก่ผู้มีสิทธิ

ความไว้วางใจจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากผู้มีสิทธิที่เป็นแก่นของกระบวนการเลือกตั้งไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ และไม่คุ้นเคยกับกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่และเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการออกเสียงและนับคะแนน เมื่อองค์กรจัดการเลือกตั้งตัดสินใจแล้วว่าจะนำเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งมาใช้แทน ต้องมีกระบวนการให้ข้อมูลต่อสาธารณชนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและกลไกของเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาใช้ ขั้นตอนในการออกเสียงแบบใหม่ แนวทางการประกันความถูกต้องของผลคะแนน รวมถึงเหตุผลและประโยชน์ที่อาจได้รับในการนำเครื่องลงคะแนนมาใช้ในกระบวนการเลือกตั้ง

นอกจากประชาชนแล้ว ยังต้องมีกระบวนการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน พรรคการเมือง และภาคประชาสังคม เช่นกัน เพื่อสร้างความโปร่งใสและนำไปสู่ความไว้วางใจ

ทั้งนี้ การสร้างความตระหนักรู้และความคุ้นชินเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ไม่สามารถเกิดได้ข้ามคืน[24]Wolf, Introducing Electronic Voting: Essential Considerations, 20. ก่อนที่เครื่องมือและกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่จะได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง อย่างกรณีบราซิลที่เริ่มกระบวนการให้ข้อมูลต่อประชาชนและกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้เป็นระยะเวลาร่วมกว่า 10 ปีก่อนจะเริ่มทดลองกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่

ทดลองการใช้งานเครื่องเลือกตั้งและกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่

ก่อนเปลี่ยนผ่านไปสู่การเลือกตั้งแบบใหม่ที่ใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ในการออกเสียงและนับคะแนน ต้องมีกระบวนการทดลอง-ทดสอบการใช้งานในระดับจำกัดก่อนขยายไปสู่การใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความคุ้นชินในกระบวนการแก่ผู้ใช้สิทธิ และเพื่อให้องค์กรจัดเลือกตั้งทดสอบความพร้อมและมีเวลาปรับปรุงในการจัดการเลือกตั้งด้วยกระบวนการใหม่ โดยอาจเริ่มทดลองใช้แค่บางเขตเลือกตั้งในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรหรือการเลือกตั้งท้องถิ่น ก่อนขยายไปสู่การเลือกตั้งระดับประเทศ

ในกรณีบราซิล การทดสอบกระบวนการเลือกตั้งและเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์เริ่มจากการเลือกตั้งเทศบาลในปี 1996 ก่อนจะขยายไปใช้ในการเลือกตั้งระดับชาติอย่างเต็มรูปแบบในปี 2002

จะมีการเลือกตั้งที่ดี ต้องปรับให้องค์กรจัดการเลือกตั้งยึดโยง-รับผิดรับชอบต่อเสียงประชาชน

หากความไว้วางใจต่อกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่คือเงื่อนไขสำคัญที่ ‘ต้องสร้าง’ ผ่านเทคโนโลยีที่ดีและกระบวนการสร้างรากฐานในการนำเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการเลือกตั้งที่ดี นั่นหมายความว่า ต่อให้ใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ โดยตัวมันเองก็ไม่อาจแก้ปัญหาความเคลือบแคลงต่อกระบวนการเลือกตั้งได้ แม้จะสามารถแก้ปัญหาบางประการอย่างเรื่องประสิทธิภาพและความรวดเร็วได้ก็ตาม

แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างลุล่วงหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับองค์กรจัดการเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่ดำเนินกระบวนการเหล่านี้ ในกรณีประเทศไทยก็คือ กกต.

กกต. เองก็มีโครงการพัฒนาเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2544 วิจัยและพัฒนาเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ต้นแบบ (Thai Voting Machine) จนถึงรุ่นที่ 4 ในปี 2555 และกำลังอยู่ในขั้นศึกษาและเตรียมความพร้อม[25]“การเตรียมความพร้อมสำหรับเครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง,” สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 25 เมษายน 2560 https://www.ect.go.th/ect_th/th/db_119_ect_th_7/2995 โดยเปิดให้หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ สหกรณ์ และโรงเรียนสามารถนำเครื่องไปทดลองใช้ในการเลือกตั้งภายในองค์กรได้

แม้ว่าสาเหตุที่ กกต. ยังไม่ดำเนินกระบวนการนำเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งไปใช้ในการเลือกตั้งจริงจะมาจากจำนวนเครื่องลงคะแนนที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละหน่วยเลือกตั้ง งบประมาณที่จำกัด และข้อกังวลเรื่องความโปร่งใส[26]คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน, รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง … Continue reading นอกเหนือจากประเด็นที่ว่าต้นทุนการเปลี่ยนกระบวนการเลือกตั้งสมเหตุสมผลกับขนาดของปัญหาที่ต้องการแก้และประโยชน์ที่ได้รับกลับมาหรือไม่ คำถามคือ หากเดินหน้าต่อ องค์กรจัดการเลือกตั้งแบบไหนที่จะสามารถสร้างความไว้วางใจต่อกระบวนการเลือกตั้งที่ใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ได้ และสามารถดำเนินกระบวนการเลือกตั้งและใช้งานเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ตามเงื่อนไขเหล่านี้ได้ (หรือแม้แต่การใช้บัตรกระดาษแบบเดิมก็ตามแต่)

เพื่อให้เกิดแรงจูงใจ ต้องมีการสร้างกลไกรับผิดรับชอบในกระบวนการจัดการเลือกตั้งเพื่อให้องค์กรจัดการเลือกตั้งดำเนินกระบวนการเลือกตั้งอย่างเป็นมืออาชีพ มีประสิทธิภาพ และโปร่งใส เช่น อาจอยู่ในรูปแบบของตัวชี้วัดผลสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม 101 PUB (101 Public Policy Think Tank) เห็นว่า กระดุมเม็ดแรกที่ต้องกลับไปติดใหม่ให้ถูกต้องคือ การปฏิรูปรากฐานของ กกต. ให้เป็นองค์กรที่เชื่อมั่นในการเมืองแบบประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง กล่าวคือ สถานะขององค์กรอาจไม่ควร ‘อยู่เหนือการเมือง’ หรือมีอำนาจเหนือฝ่ายการเมืองอย่างที่เป็นอยู่จนเป็นอิสระอย่างล้นเกินไป และอาจมีกระบวนการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการที่ยึดโยงกับประชาชนในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในบริบทประเทศไทยที่ใจกลางความขัดแย้งทางการเมืองอยู่ระหว่างฝ่ายที่ไม่เชื่อมั่นในประชาธิปไตย-การเมืองการเลือกตั้งและฝ่ายที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตย-การเมืองการเลือกตั้ง[27]101 PUB อ้างอิงข้อเสนอการปฏิรูปองค์กรอิสระจากงานวิจัย Constitution Dialogue ของ ผศ.ดร.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้ทิศทางของกระบวนการเลือกตั้งเป็นไปเพื่อประชาชนผู้มีสิทธิอย่างแท้จริง และนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่มีความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ

หากรากฐานขององค์กรที่จัดการเลือกตั้งเชื่อมั่นในประชาธิปไตยไม่ได้ การใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ก็อาจให้ผลลัพธ์ที่แย่กว่าการใช้บัตรกระดาษก็เป็นได้

References
1 “บัตรเขย่ง,” ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า, https://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%87
2 ilaw และ ELECT, รายงาน “คะแนนที่ถูกจัดการ” ระหว่างการรายงานผล, 6 มกราคม 256
3 101 PUB อ้างอิงการคำนวณสัดส่วนบัตรเสียเฉลี่ยจากการเลือกตั้งทั่วโลกจาก ACE Electoral Knowledge Network ซึ่งใช้ฐานข้อมูลผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง (Voter Turnout Database) ของ International IDEA อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าไม่ควรพิจารณาตัวเลขค่าเฉลี่ยบัตรเสียจากการเลือกตั้งทั่วโลกในฐานะ ‘เกณฑ์มาตรฐานสัดส่วนบัตรเสียที่ยอมรับได้’ ในแต่ละการเลือกตั้ง
4 “เปิดผลจับตาเลือกตั้ง 66 พบเรื่องร้องเรียน ‘รวมคะแนนผิด’ มากสุด แนะอบรม-ให้ความรู้ กปน. ให้มากขึ้น,” ประชาไท, 20 พฤษภาคม 2566, https://prachatai.com/journal/2023/05/104215
5 ilaw, “นี่คือการนับคะแนนที่นานที่สุด” เครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์เลือกตั้ง 66’ ทวงถามผลเลือกตั้งจาก กกต. หลังครบหนึ่งเดือน” Facebook, 14 มิถุนายน 2023, https://www.facebook.com/share/p/1GWj1fLCP5/
6 เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเลือกตั้งมีหลายรูปแบบ โดยมีทั้งประเภทที่ทำหน้าที่ทั้งกระบวนการ ‘ลง’ และ ‘นับ’ คะแนน หรือเพียงแค่กระบวนการลงคะแนนหรือนับคะแนนอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
7 Peter Wolf, Introducing Electronic Voting: Essential Considerations (Stockholm: International IDEA, 2011); Ben Goldsmith and Holly Ruthrauff, Implementing and Overseeing Electronic Voting and Counting Technologies, (Washington, D.C.: IFES and NDI, 2013
8 เครื่องบันทึกคะแนนโดยตรง คือรูปแบบหนึ่งของเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ บนเครื่องจะประกอบไปด้วยการแสดงผลตัวเลือกและปุ่มกด หรือระบบ touch screen สำหรับการลงคะแนน เมื่อผู้ใช้สิทธิกดปุ่มเลือกผู้สมัครที่ต้องการลงคะแนนให้และยืนยันความถูกต้องของคะแนนแล้ว เครื่องจะบันทึกและจัดเก็บคะแนนอัตโนมัติ ข้อมูลที่เครื่องบันทึกคะแนนแต่ละหน่วยบันทึกไว้จะถูกส่งต่อไปยังหน่วยรวมผลคะแนน ร่วมกับผลคะแนนจากเครื่องบันทึกคะแนนเครื่องอื่นๆ นอกจากเครื่องบันทึกคะแนนโดยตรง นอกจากนี้ เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งประเภทอื่นๆ ที่เป็นที่นิยมก็เช่น เครื่องสแกนผลเลือกตั้ง (Optical Mark Recognition; OMR – ทำหน้าที่นับคะแนนอย่างเดียว) และเครื่องพิมพ์เครื่องหมายบนบัตรเลือกตั้งพร้อมสแกนผลคะแนน (Ballot Marking Device; BMD – ทำหน้าที่ลงคะแนนและนับคะแนน
9 Goldsmith and Ruthrauff, Implementing and Overseeing Electronic Voting and Counting Technologies, 82-83.
10 Heroik M. Pratama and Nurul Amalia Salabi, Adoption of Voting Technology: A Guide for Electoral Stakeholders in Indonesia (Stockholm: International Institute for Democracy and Electoral Assistance; Jakarta: Perludem, 2020), 16.
11 Rodrigo Schneider, Free or Fair Elections? The Introduction of Electronic Voting in Brazil, Economía, Vol. 21, No. 1 (Fall 2020), 78-79.
12 Sisir Debnath, Mudit Kapoor, and Shamika Ravi, “The Impact of Electronic Voting Machines on Electoral Frauds, Democracy, and Development” Indian School of Business WP Forthcoming (March 16, 2017), https://ssrn.com/abstract=3041197
13 Goldsmith and Ruthrauff, Implementing and Overseeing Electronic Voting and Counting Technologies, 58-59.
14 Wolf, Introducing Electronic Voting: Essential Considerations, 23-24.
15 “Voting technology,” MIT Election Data + Science Labhttps://electionlab.mit.edu/research/voter-turnout.
16 Goldsmith and Ruthrauff, Implementing and Overseeing Electronic Voting and Counting Technologies, 141.
17 เพิ่งอ้าง, 205.
18 การรับรองเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ (Certification) คือกระบวนการตรวจสอบประเมินเชิงเทคนิคว่าระบบเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ทำงานถูกต้องก่อนใช้งานเครื่องจริง ต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญหรือองค์กรที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการพัฒนาและผลิตเครื่อง
19 Wolf, Introducing Electronic Voting: Essential Considerations, 24.
20 เพิ่งอ้าง, 16-17.
21 Pratama and Salabi, Adoption of Voting Technology A Guide for Electoral Stakeholders in Indonesia, 74.
22 มาตรา 84 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2560; มาตรา 75 พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562.
23 “Judgment of 3 March 2009,” Federal Constitutional Court, https://www.bundesverfassungsgericht.de/SharedDocs/Entscheidungen/EN/2009/03/cs20090303_2bvc000307en.html
24 Wolf, Introducing Electronic Voting: Essential Considerations, 20.
25 “การเตรียมความพร้อมสำหรับเครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง,” สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 25 เมษายน 2560 https://www.ect.go.th/ect_th/th/db_119_ect_th_7/2995
26 คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน, รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น (2025), 16.
27 101 PUB อ้างอิงข้อเสนอการปฏิรูปองค์กรอิสระจากงานวิจัย Constitution Dialogue ของ ผศ.ดร.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อินโฟกราฟฟิก

101 Public Policy Think Tank
ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง

ศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะไทยในบริบทโลกใหม่ สร้างสรรค์ความรู้ด้านนโยบายสาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มพลังให้ประชาชนสามารถตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และสังคม

Copyright © 2025 101pub.org | All rights reserved.