น้ำท่วมทุ่ง เงินเยียวยาโหรงเหรง

ประเด็นสำคัญ

  • ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่เผชิญกับอุทกภัยมากที่สุดในโลก มีพื้นที่ได้รับผลกระทบเฉลี่ย 10 ล้านไร่ต่อปี ความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 9 หมื่นล้านบาทต่อปี และจะเป็นภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ (non-traditional security) ที่รัฐบาลต้องหันมาให้ความสนใจและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

  • การช่วยเหลือที่เป็นที่พูดถึงมากคือ เงินช่วยเหลือเหมาจ่ายที่ขึ้นต่อมติคณะรัฐมนตรี ปี 2022 – 2025 ประกาศช่วยเหลือเหมาจ่ายอยู่ในช่วง 5,000 – 9,000 บาทต่อครัวเรือน ทว่าในความเป็นจริง ผู้ประสบภัยมักได้เงินเยียวยาในอัตราที่จำกัด คิดเป็น 50% ของรายได้ต่อเดือนของครัวเรือนระดับกลางเท่านั้น

  • กว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือเหมาจ่ายต้องรอราว 3 เดือน ในขณะที่เงินซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและอื่นๆ ต้องรอนานเกือบ 1 ปี และยังมีปัญหาความไม่ทั่วถึงและไร้มาตรฐานตลอดกระบวนการ ซ้ำร้ายสิทธิรับเงินช่วยเหลือด้านอื่นๆ ยังกระจุกตัว เพราะไม่มีการประชาสัมพันธ์ทางการจากหน่วยงานรัฐ

‘น้ำท่วม’ เป็นของคู่บ้านเมืองไทยมาตลอด ตั้งแต่จำความได้ จนทุกวันนี้ และอาจต้องเผชิญไปอีกจนตลอดชีวิต เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ในช่วงพฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่เหนือการคาดการณ์เสียทีเดียว แต่ความถี่และความรุนแรงหนักข้อขึ้นเฉกเช่นเดียวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทั่วโลกกำลังเผชิญจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

หากติดตามข่าวสารเราคงรับรู้ได้ถึงเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ดังกึกก้องไปทั่วประเทศ มีครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนรักไปกับกระแสน้ำเชี่ยว มีผู้ป่วยติดเตียงและผู้พิการที่ถูกทิ้งไว้กลางบ้านที่กำลังจมลงไป  ทรัพย์สิน การงาน สภาพจิตใจ และความมั่นคงในชีวิตของคนจำนวนมากถูกพัดหายไปในพริบตา

แม้อุทกภัยจะเริ่มต้นด้วยปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ความสูญเสียเหล่านี้เป็นโศกนาฏกรรมที่ถูกขยายด้วยการบริหารจัดการรัฐบาลที่ล้มเหลว การไม่เคยวางแผนรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบจริงจังไว้ล่วงหน้าจนทำให้เกิดปัญหาที่ใหญ่กว่าที่ควร

แต่เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นแล้ว มาตราการเยียวยาปัจจุบันยังไม่สามารถทำให้ผู้ประสบภัยกลับมาตั้งหลักใหม่ได้อีกครั้ง เพราะเงินเยียวยาไม่ครอบคลุมความเสียหาย ไม่ทั่วถึง ล่าช้า และไม่มีมาตรฐาน ในบทความนี้ 101 PUB ขอเชิญทุกท่านมาวิเคราะห์ปัญหาเงินเยียวยาน้ำท่วมตลอดกระบวนการ พร้อมเชิญอ่านข้อเสนอปรับปรุงมาตรการเยียวยาให้ยืดหยุ่นและเท่าทันต่อภูมิอากาศโลกอันแปรปรวน

ไทยน้ำท่วม-เสียหายทุกปี มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในอนาคต

ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่เผชิญกับอุทกภัยมากที่สุดในโลก[1]“Climate Risk Country Profile: Thailand”, World Bank Group and Asian Development Bank, 2021, 16. https://www.adb.org/publications/climate-risk-country-profile-thailand (accessed 11 November 2025). ตลอดมามีหลักฐานยืนยันว่าตั้งแต่ปี 1960 – 2023 (63 ปี) ประเทศไทยประสบอุทกภัยทั้งหมด 96 ครั้ง ซึ่งเกิดมากที่สุดในนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี นราธิวาส และสงขลาตามลำดับ[2]Muthukumara Mani and Hector Pollitt, “Towards a Green and Resilient Thailand”, World Bank, 2024, 16. https://www.worldbank.org/th/country/thailand/publication/towards-a-green-and-resilient-thailand (accessed 10 November 2025).

อุทกภัยเป็นภัยธรรมชาติที่ประเทศไทยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จากเงื่อนไขทางภูมิศาสตร์และการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ไหนในประเทศก็มักเสี่ยงพบน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันจากปริมาณน้ำฝนสะสม และน้ำล้นตลิ่งจากน้ำรอการระบายทั้งในเมืองหลวงและเขตภูมิภาค[3]“Climate Risk Country Profile: Thailand”, World Bank Group and Asian Development Bank, 2021, 16. https://www.adb.org/publications/climate-risk-country-profile-thailand (accessed 11 November 2025). โดยรายงานจาก Climate Adaptation Platform ปี 2024 ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมเฉลี่ย 9 หมื่นล้านบาทต่อปี[4]“ADB Program Helps Boost Thailand’s Climate Resilience”, Climate Adaptation Platform, 11 November 2024, https://climateadaptationplatform.com/adb-program-helps-boost-thailand-climate-resilience/ (accessed 11 November 2025). และจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุทกภัยจะยิ่งเป็นภัยที่เกิดถี่ รุนแรง และกระทบคนในทุกพื้นที่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ภาพที่ 1: คาดการณ์เปอร์เซ็นต์พื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในปี 2050 (ที่มา: World Bank Group and IEc)[5]World Bank Group, “Thailand Country Climate and Development Report,” World Bank, 2025, 6. https://www.worldbank.org/en/country/thailand/publication/th-ccdr. (accessed 11 November 2025).

ดังนั้น หากยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม ลงทุนป้องกันและจัดการภัยพิบัติที่มีประสิทธิผลมากเพียงพอ ตัวเลขความเสียหายย่อมมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะมิติของชีวิต อันสัมพันธ์กับมิติทางสังคมและเศรษฐกิจที่ต้องหยุดชะงักลง โดยคาดการณ์ว่าไม่เกิน 20 ปีข้างหน้าจะมีผู้ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงมากถึง 4.94 ล้านคนในประเทศ[6]“Climate Risk Country Profile: Thailand”, World Bank Group and Asian Development Bank, 2021, 17. https://www.adb.org/publications/climate-risk-country-profile-thailand (accessed 12 November 2025).

ปรากฏการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงและถี่ขึ้นจึงสะท้อนว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ (non-traditional security) ที่รัฐบาลต้องหันมาให้ความสนใจและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

รวมไปถึงการเยียวยาหลังเกิดภัยพิบัติในฐานะสิทธิมนุษยชนในการทำให้ผู้ประสบภัยกลับมาเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานในชีวิต อย่างการเข้าถึงที่อยู่อาศัย แหล่งน้ำสะอาด และการมีรายได้เลี้ยงชีพอีกครั้ง

รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านหลายมาตรการ

ปัจจุบัน รัฐบาลมีมาตรการรองรับผู้ประสบปัญหาอุทกภัยภายหลังจากการเกิดภัยพิบัติขึ้น ซึ่งผู้ประสบภัยได้รับการเยียวยาจากหลายหน่วยงานในหลายอัตรา

การช่วยเหลือที่เป็นที่พูดถึงมากคือเงินช่วยเหลือเหมาจ่ายที่ขึ้นต่อมติคณะรัฐมนตรีในแต่ละปี ตั้งแต่ปี 2022 – 2025 ประกาศช่วยเหลือเหมาจ่ายอยู่ในช่วง 5,000 – 9,000 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งบางครั้งจำนวนเงินที่ได้จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เผชิญน้ำท่วม และมีครั้งที่ให้จำนวนเงินสูงสุดแม้จะท่วมแค่หนึ่งวัน[7]ปี 2022 – 2025 มีมติคณะรัฐมนตรี เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย … Continue reading

เงินช่วยเหลือข้างต้นถูกอนุมัติด้วยมติคณะรัฐมนตรีโดยจ่ายเงินออกจากงบกลางสำหรับกรณีฉุกเฉิน และกระทำผ่านกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ข้อดีหนึ่งคือการที่มีความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายเงินให้สามารถเบิกจ่ายได้ ‘รวดเร็ว’ กว่าการใช้งบประมาณปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ได้มีการคาดการณ์และกันงบประมาณไว้ก่อนหน้า โดยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถยื่นคำร้องขอเงินช่วยเหลือเหมาจ่ายไปยังภาครัฐ เช่น กรณีล่าสุดในปี 2025 สามารถทำผ่านเว็บไซต์ https://flood68.disaster.go.th หรือติดต่อองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่

ทั้งนี้ ยังมีมาตรการช่วยเหลือที่มักไม่ถูกพูดถึง นั่นคือเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สูญเสียปัจจัยพื้นฐาน ที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน รวมถึงสูญเสียรายได้ อันมีมูลค่ารวมกันสูงสุดที่สามารถเบิกได้อยู่ที่ 66,900 บาทต่อครัวเรือน และสำหรับผู้ที่บาดเจ็บหรือสูญเสียผู้หารายได้หลักของครัวเรือนสูงสุด 49,300 บาทต่อคน[8]กระทรวงการคลัง, “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 (2019) … Continue reading

มาตราการช่วยเหลือดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายภายใต้ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และ หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563

ระดับจังหวัดจะสามารถใช้งบประมาณ เพื่อยับยั้งหรือป้องกันภัยพิบัติโดยไม่ต้องรอประกาศเขตภัยพิบัติได้ แต่หากใช้งบส่วนนี้เพื่อเยียวยาประชาชนต้องมีการประกาศเขตภัยพิบัติก่อนเสมอ ด้วยเงื่อนไปนี้ทำให้ประชาชนในบางพื้นที่เข้าถึงงบส่วนนี้อย่างจำกัด[9]“งบฯ เยียวยา ‘น้ำท่วม’ มาจากไหน ?”, The ACTIVE, 25 กันยายน 2024, https://theactive.thaipbs.or.th/data/flood-disaster (เข้าถึงเมื่อ 7 ธันวาคม 2025).

ในด้านประกอบการ กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการคลังออกมาตรการบรรเทาภาระหนี้และสินเชื่อฟื้นฟู อาทิ พักหนี้ พักดอกเบี้ยสูงสุด 6 เดือน สามารถขอกู้เสริมสภาพคล่อง มาตราสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 0% สำหรับประชาชนที่เป็นลูกค้าเดิมของธนาคารรัฐ

อีกทั้งมีมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและผู้ประกอบการ อาทิ ลดภาระค่าใช้จ่าย ขยายเวลายื่นแบบภาษี ยกเว้นภาษีเงินได้ ยกเว้นอากรศุลกากร สามารถหักลดหย่อยภาษีเมื่อบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ส่วนกรณีผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร สหกรณ์ และประมงสามารถรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ จากการเบิกเงินช่วยเหลือเหมาจ่ายและเงินทดรองราชการในฐานะความเป็นอยู่พื้นฐานของครัวเรือน ส่วนด้านอาชีพอาศัยหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวอย่างเช่น ยุ้งข้าว โรงเก็บพืชผล และคอกสัตว์เสียหาย พื้นที่ทำกินเสียหาย ผลผลิตเสียหาย และชดเชยสัตว์ตายหรือสูญหายไม่เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด อาทิ โค อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป ตัวละไม่เกิน 35,000 บาท ไม่เกิน 5 ตัว เป็นต้น[10]กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, “หลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 (2021)”.

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ ได้แก่ มาตรการด้านสุขภาพจิต มีบริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 และทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team: MCATT) ในพื้นที่ประสบภัย รวมถึงจัดงานเยียวยาลดค่าครองชีพ และสร้างอาชีพจัดบูธแฟรนไชส์ จัดแคมเปญลดราคาวัสดุก่อสร้าง 80% และประสาน EXIM Bank จัด Mobile Unit ลงพื้นที่ให้คำปรึกษาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนฟื้นฟูกิจการ เป็นต้น[11]“ครม.เศรษฐกิจสั่งแบงก์รัฐ “พักหนี้-ไม่คิดดอกเบี้ย 1 ปี” เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้”, THAIPUBLICA , 1 ธันวาคม 2025, … Continue reading

เงินช่วยเหลือไม่พอชดเชยความเสียหาย ไม่ได้ครบทุกมาตรการ ไม่เพิ่มขึ้นตามขนาดครัวเรือน

แม้ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยมากมาย ทว่าในความเป็นจริงผู้ประสบภัยมักได้เงินเยียวยาในอัตราที่จำกัด ไม่สะท้อนความเสียหายจริง อีกทั้งยังให้ตามครัวเรือนโดยที่ไม่ได้ให้น้ำหนักกับจำนวนสมาชิกในครัวเรือน ซึ่งถ้ามีจำนวนมากก็ยิ่งได้รับความช่วยเหลือเฉลี่ยต่อคนน้อยลงตามลำดับ

ผู้เขียนได้ทำการสัมภาษณ์เชิงลึกกับครัวเรือนที่เผชิญน้ำท่วมต่างที่และเวลากัน แต่เผชิญกับปัญหาเงินเยียวยาไม่ต่างกัน ดังนี้

ครัวเรือน A มีสมาชิกทั้งหมด 6 คน ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลันและท่วมต่อเนื่องร่วม 2 เดือนในภาคเหนือ ปี 2024 สมาชิกครัวเรือน A แจ้งว่าก่อนเกิดเหตุไม่ได้รับการเตือนภัยให้ขนย้าย

ผนวกกับกระแสน้ำที่มาแรง ภายใน 1 ชั่วโมงน้ำก็ท่วมเกือบถึงชั้น 2 ของบ้าน ทำให้ขนย้ายทรัพย์สินไม่ทัน ครัวเรือน A จึงต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ และต้องขาดรายได้นาน 2 เดือน

เมื่อประเมินความเสียหายทั้งหมดพบว่า ค่าใช้จ่ายส่วนมากตกอยู่ที่ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินส่วนตัว อาทิ ระบบไฟฟ้า เสื้อผ้า ค่าขนย้ายขยะ ค่าล้างทำความสะอาดที่อยู่อาศัย และเทคโนโลยี อย่าง รถยนต์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และโทรทัศน์ เป็นต้น ตีเป็นมูลค่าราว 525,400 บาท

อีกทั้งผู้หาเลี้ยงหลักต้องสูญเสียรายได้ประมาณ 40,000 บาท ถึงแม้จะทำประกันภัยพิบัติเอาไว้ แต่เงินที่ได้รับยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเสียหายทั้งหมด

มิหนำซ้ำครัวเรือน A ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตหลังน้ำลด (Post-Disaster Trauma) ส่งผลให้มีภาวะเครียด นอนไม่หลับ และเกิดภาวะระแวงต่อเหตุการณ์น้ำท่วมบ่อยครั้งจนรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยอีกต่อไป

เมื่อเปรียบเทียบกับเงินเยียวยาความเสียหายที่ได้รับจากรัฐ ปรากฏว่าครัวเรือน A ได้รับเงินเยียวยาทั้งหมด 28,000 บาทต่อครัวเรือน คิดเป็นเพียง 5% ของมูลค่าความเสียหายที่เป็นตัวเงิน ยังไม่นับว่าต้องแบ่งสรรกับจำนวนคนในครัวเรือนที่มีถึง 6 คน เฉลี่ยเงินเยียวยาที่ได้รับเพียง 4,667 บาทต่อคน เทียบกับมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 94,233 บาทต่อคน

ในอีกด้านหนึ่ง ครัวเรือน B มีสมาชิกทั้งหมด 3 คน มีผู้หาเลี้ยงครอบครัวคนเดียวต้องดูแลผู้สูงอายุอีก 2 คน อาศัยอยู่ในทุ่งรับน้ำบางระกำบริเวณภาคกลางตอนบน ที่ถูกรัฐบาลจัดสรรให้เป็นพื้นที่รับน้ำไม่ให้กระทบเขตเศรษฐกิจตลอด 10 ปีมานี้ และรอบล่าสุดก็ต้องอาศัยอยู่กับน้ำท่วมยาวนานถึง 4 เดือน

เนื่องจากอยู่ในพื้นที่รับน้ำเมื่อใกล้ช่วงรับน้ำก็จะคอยสังเกตระดับน้ำในลำคลองเพื่อเตรียมอพยพ ทำให้อพยพข้าวของทัน ทว่าแม้ยังคงต้องไปทำงานเพื่อให้มีรายได้อยู่ แต่การใช้ชีวิตท่ามกลางน้ำท่วมขังนับว่ายากลำบากและยังเกิดความเสียหายที่ควบคุมไม่ได้มากมาย

ความเสียหายที่ได้รับมีทั้งการต้องกู้หนี้นอกระบบ เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินทุกปี หลายครั้งซ่อมแซมที่อยู่อาศัยได้ไม่นานน้ำก็กลับมาท่วมซ้ำ ซึ่งครัวเรือน B ไม่สามารถเบิกเงินทดรองราชการเพื่อมาซ่อมแซมที่อยู่อาศัยได้เหมือนครัวเรือน A เหตุเพราะพื้นที่ทุ่งรับน้ำไม่ถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ

ซ้ำร้ายตลอด 4 เดือน ครัวเรือน B ต้องยอมเสี่ยงใช้ชีวิตกับเชื้อโรคและแบคทีเรียที่มากับน้ำเน่าเสีย อาทิ ผู้สูงอายุในครัวเรือน B มักป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจและโรคผิวหนังทุกปี นอกจากนี้ ยังเสี่ยงประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตมากขึ้น จากการพลัดตกน้ำ ไฟฟ้าช็อต และสัตว์เลื้อยคลานกัด

ครัวเรือน B เล่าว่าหากเจ็บป่วยเล็กน้อยคนในหมู่บ้านก็จะไม่ยอมเดินทางไปรักษาเนื่องจากระยะการเดินทางลำบากเกินไป โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้พิการที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียว ที่แทบมองไม่เห็นว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร

การต้องกลายเป็นพื้นที่ทุ่งรับน้ำได้สร้างภาระทางการเงินที่หนักหนาให้แก่กลุ่มครัวเรือนเปราะบาง นอกจากค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยแล้ว ค่ารักษาพยาบาล และค่าครองชีพที่สูงขึ้นยังสัมพันธ์กับภาระทางสุขภาพจิตที่ส่งผลให้สมาชิกในครัวเรือนต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความเครียดและโรคซึมเศร้ามากขึ้น

เงินเหมาจ่าย 9,000 บาทที่ได้รับเพื่อใช้ประทังชีวิตตลอด 4 เดือน จึงไม่คุ้มค่าและไม่อาจฟื้นฟูชีวิตของผู้คนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีได้ดังเดิม หากเฉลี่ยเงินเหมาจ่ายกับจำนวนคนในครัวเรือน (3 คน) และระยะเวลา 4 เดือน เงินเหมาจ่ายที่ครัวเรือน B ได้รับจะตกอยู่คนละ 25 บาทต่อวันเท่านั้น

ส่วนใหญ่ได้แค่เงินช่วยเหลือเหมาจ่าย 9,000 บาท อัตราต่ำมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ

เมื่อเปรียบเทียบเงินเยียวยาสูงสุดที่ครัวเรือนจะได้รับกับระดับรายได้มัธยฐานในแต่ละประเทศ พบว่าประเทศไทยมีการจ่ายเงินเยียวยาคิดเป็น 690% ของรายได้ครัวเรือนต่อเดือน ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆ โดยน้อยกว่าสหรัฐฯ (1,250%) แต่ก็มากกว่าไต้หวัน (426%) และออสเตรเลีย (43%) ถึงกระนั้นหลายครัวเรือนไทยไม่ได้รับความช่วยเหลือครบถ้วนทุกมาตรการ แต่มักได้รับเพียงเงินช่วยเหลือเหมาจ่าย อันคิดเป็น 50% ของรายได้ครัวเรือนระดับกลางต่อเดือน

หากเราวิเคราะห์ถึงรายละเอียดและที่มาของเงินเยียวยาแต่ละประเทศ สหรัฐฯ มีสำนักงานจัดการภัยพิบัติฉุกเฉิน (FEMA: Federal Emergency Management Agency) ทำหน้าที่บูรณาการจัดการภัยพิบัติร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นและบริหารจัดการกองทุนบรรเทาสาธารณภัย[12]“ถอดบทเรียนเยียวยาสไตล์ออสซี่-ญี่ปุ่น-มะกัน”, THAIPUBLICA, 15 ธันวาคม 2011, https://thaipublica.org/2011/12/compensation-lesson-from-us-australia-japan/ (เข้าถึงเมื่อ 7 ธันวาคม 2025).

กรณีล่าสุด FEMA จ่ายเงินช่วยเหลือผ่านโปรแกรม Individuals and Households Program (IHP) เป็นเงินช่วยเหลือค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสูงสุด 43,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.3 ล้านบาท) และเงินช่วยเหลือความต้องการพื้นฐานอื่นๆ สูงสุด 43,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ[13]Dante Motley, “FEMA, SNAP and tax relief deadlines approach for Central Texas flood victims”, Austin American-Statesman, 7 August 2025, https://www.statesman.com/news/local/article/texas-flood-relief-deadlines-fema-snap-taxes-21016726.php (accessed 1 December 2025). อาทิ ค่าหาที่อยู่อาศัยใหม่ ค่าเลี้ยงดูเด็ก ค่ารักษาพยาบาลและทันตกรรม ค่าทรัพย์สินเสียหาย ค่ายานพาหนะ และค่าทำศพ เป็นต้น โดยมีเงื่อนไขคือ โปรแกรม IHP จะจ่ายเงินเยียวยาให้เฉพาะกรณีที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากประกันภัย[14]“Individuals and Households Program”, FEMA, 1 November 2024, https://www.fema.gov/assistance/individual/program (accessed 7 December 2025).

นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมจ่ายเงินชดเชยกรณีต้องสูญเสียรายได้เพราะเหตุภัยพิบัติ (Disaster Unemployment Assistance: DUA) จำนวน 186 – 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อสัปดาห์ เป็นเวลาสูงสุด 26 สัปดาห์นับตั้งแต่วันแรกที่ประสบภัยพิบัติ[15]The Congressional Research Service (CRS), “Disaster Unemployment Assistance (DUA)”, CONGRESS.GOV, 1 April 2025, https://www.congress.gov/crs-product/RS22022 (accessed 7 December 2025).

สำหรับกรณีไต้หวันซึ่งเผชิญภัยพิบัติถี่และรุนแรง รัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนจำนวนเงินเยียวยาตามความรุนแรงของภัยพิบัติ เช่น เหตุการณ์น้ำท่วมทะลักเขื่อนดินลำน้ำหม่าไท่อัน ตำบลกวงฟู่ รัฐบาลจ่ายเงินซ่อมแซมและทำความสะอาดที่อยู่อาศัยเพดานสูงสุด 350,000 ดอลลาร์ไต้หวันต่อครัวเรือน (ราว 363,321 บาท)[16]ปุณรัศมิ์ ซือ, “เงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมฮัวเหลียน สูงสุด 350,000 เหรียญไต้หวัน เปิดให้ยื่นผ่านแพลตฟอร์มกลาง 7 ต.ค.นี้”, Rti, 7 ตุลาคม 2025, … Continue reading ซึ่งครัวเรือนระดับกลางไต้หวันมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 985,000 ดอลลาร์ไต้หวัน[17]“Average income rises 2.5 percent, hits record high”, TAIPEI TIMES, 18 August 2025, https://news.ltn.com.tw/news/focus/breakingnews/5147181 (accessed 7 December 2025). (ราว 1,022,489 บาท)

ไต้หวันยังมีโปรแกรมช่วยจัดหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวและอุดหนุนค่าเช่าในระหว่างซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ภายใต้ความช่วยเหลือของภาครัฐและองค์กร NGOs เพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัยที่สูญเสียรายได้และที่อยู่อาศัยสามารถตั้งหลักใหม่ได้อย่างไม่ยากเย็น[18]“Expanding the rent subsidy program”, Executive Yuan, 23 August 2024, https://english.ey.gov.tw/News3/9E5540D592A5FECD/481b6fcc-f658-43b0-ae72-b26946e96285#:~:text=To%20cater%20to%20the%20housing,%E2%96%A0 (accessed 7 December 2025).

ด้านออสเตรเลียมีโปรแกรมจ่ายเงินเยียวยาหลายมาตรการ ได้แก่ หนึ่งเงินช่วยเหลือเหมาจ่าย (Australian Government Disaster Recovery Payment: AGDRP) สอง เงินสำหรับผู้สูญเสียรายได้จากภัยพิบัติ (Disaster Recovery Allowance: DRA) สาม เงินซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และสี่ เงินสนับสนุนความต้องการพื้นฐานสำหรับกลุ่มคนทั่วไปและกลุ่มเปราะบางพิเศษ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมอื่นๆ ที่ไม่ได้จ่ายเป็นตัวเงิน อาทิ โปรแกรมที่อยู่อาศัยชั่วคราว และโปรแกรมสร้างบ้านใหม่ให้ฟรี[19]“Resilient Homes Fund”, DELIVERING FOR QUEENSLAND; Queensland Government, https://www.qld.gov.au/housing/buying-owning-home/homeowners-financial-help/resilience-to-floods-and-cyclones/resilient-homes-fund (accessed 7 December 2025).

ในมาตรการแรก มีการจ่ายเงินเหมาจ่าย (AGDRP) เป็นรายคน โดยมีเกณฑ์คือ ผู้ใหญ่ได้รับ 1,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และเด็กหรือผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปีจะได้รับ 400 ดอลลาร์ออสเตรเลีย[20]“Guides to Social Policy Law: Social Security Guide Version 1.333 – Released 3 November 2025; 1.2.6.20 Australian Government Disaster Recovery Payment (AGDRP) – description”, Australia Government, 12 May 2025,
https://guides.dss.gov.au/social-security-guide/1/2/6/20 (accessed 7 December 2025).

มาตรการที่สอง เงินสำหรับผู้สูญเสียรายได้จากภัยพิบัติ (DRA) จะได้รับเป็นรายคน สูงสุด 13 สัปดาห์นับตั้งแต่วันแรกที่ประสบภัยพิบัติ โดยผู้ที่สามารถรับเงินส่วนนี้ได้ต้องมีรายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ไม่เกิน 1,924.6 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนอัตราเงิน DRA ที่จะได้รับจริงต้องคำนวณผ่านเว็บไซต์ myGov[21]สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจาก myGov, https://my.gov.au/ (accessed 7 December 2025). เนื่องจากต้องมีใบแสดงการเสียภาษีเงินได้ และข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ

ส่วนมาตรการที่สามและสี่ เงินซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและเงินสนับสนุนความต้องการพื้นฐานสำหรับกลุ่มคนทั่วไปและกลุ่มเปราะบางพิเศษจะได้รับเงินโดยขึ้นอยู่กับรายได้ของบุคคลนั้น เช่น หากครัวเรือนระดับกลางมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 7,739 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 1,934.75 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์จะได้รับเงินช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน 450 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และเงินช่วยเหลือเพื่อเข้าถึงบริการพื้นฐาน 375 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ทั้งนี้ หากเป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันภัยมีรายได้ไม่เกิน 1,208 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือไม่เกิน 1,670 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์ และผู้ที่อยู่อาศัยสองคนหรือครอบครัวที่มีบุตร 1 คน จะสามารถเบิกเงินช่วยเหลืออื่นๆ อาทิ เงินฟื้นฟูทรัพย์สินในครัวเรือน เงินฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของที่อยู่อาศัย เงินฟื้นฟูการเข้าถึงบริการความปลอดภัย รวมมูลค่าการเยียวยามากกว่า 89,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย[22]“Essential household contents grant”, DELIVERING FOR QUEENSLAND; Queensland Government, 11 December 2025, https://www.qld.gov.au/community/disasters-emergencies/disasters/money-finance/types-grants/essential-household-contents (accessed 11 December 2025). (ประมาณ 1,891,661 บาท)

จะสังเกตได้ว่า ทุกประเทศข้างต้นมีจุดร่วมเหมือนกันคือ การมีหน่วยงานหลัก หรือน้อยหน่วยงานที่เป็นตัวกลางบูรณาการกระบวนการเยียวยา บูรณาการเทคโนโลยีให้สะดวกต่อผู้ใช้ ผนวกกับมีกฎหมายแม่ว่าด้วยการเยียวยาที่ชัดเจนและปรับแก้ให้ครอบคลุมต่อความเปลี่ยนแปลงด้านประชากร อาทิ การจ่ายเงินเยียวยาแก่แรงงานผู้ย้ายถิ่นฐานที่ถือสัญชาติอื่น ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากไทย

เงินช่วยเหลือจ่ายไม่ทั่วถึง-ล่าช้า-ไม่มีมาตรฐาน

หลายครัวเรือนถูกพรากความมั่นคงไปกับสายน้ำ เมื่อรัฐประกาศจะจ่ายเงินเยียวยา พวกเขาจึงเต็มไปด้วยความหวังว่าเงินเยียวยาจะช่วยให้กลับมาตั้งหลักใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทว่าในความเป็นจริง กว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือเหมาจ่ายต้องรอราว 3 เดือน ในขณะที่เงินซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและอื่นๆ ต้องรอนานเกือบ 1 ปี[23]ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ครัวเรือนประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือปี 2024 โดย 101 PUB วันที่ 2 ตุลาคม 2025 และยังมีปัญหาความไม่ทั่วถึงและไร้มาตรฐานตลอดกระบวนการ

แม้หลายครัวเรือนจะทราบถึงสิทธิรับเงินช่วยเหลือเหมาจ่าย 9,000 บาท ทว่าสิทธิรับเงินช่วยเหลือด้านอื่นๆ ยังกระจุกตัว เพราะไม่มีการประชาสัมพันธ์ทางการจากหน่วยงานรัฐ ทั้งแง่การรับรู้และขั้นตอนการเบิกเงินเยียวยา

ผู้ประสบภัยมักรู้สิทธิผ่านคนรู้จักที่มีเครือข่ายราชการหรือผ่านไลน์หมู่บ้านเท่านั้น ส่งผลให้หลายครัวเรือนที่เดือดร้อนมากขาดโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณะไปโดยปริยาย ทั้งนี้ยังมีครัวเรือนที่รู้สิทธิแต่ไม่ประสงค์เบิกเงินเยียวยาเหตุเพราะความล่าช้าและความยุ่งยากของระบบราชการ

เหตุของความล่าช้าเริ่มตั้งแต่การประกาศเขตภัยพิบัติล่าช้าหรือไม่มีการประกาศจากส่วนกลาง เหตุนี้ไม่เพียงทำให้หน่วยงานราชการเตรียมการจัดสรรเงินเยียวยาล่าช้าเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถใช้งบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยก่อนได้ ซึ่งยิ่งขยายมูลค่าความเสียหาย อีกทั้งเขตที่ไม่มีการประกาศภัยพิบัติจะไม่สามารถจ่ายเงินเยียวยาแม้ประสบภัยจริง ดังกรณีทุ่งรับน้ำบางระกำ เป็นต้น

ต่อมา ขั้นตอนการขอรับสิทธิเงินเยียวยายังดำเนินด้วยความยากลำบาก เหตุเพราะต้องเขียนเอกสารขอเบิกด้วยตนเอง ไร้คู่มือ และสิ่งที่ต้องเตรียมที่ชัดเจน เช่น หลายครัวเรือนไม่รู้ว่าต้องถ่ายรูปภาพบริเวณความเสียหาย 1 จุดต่อ 1 กระดาษสำหรับพิมพ์แนบส่ง เมื่อมารู้ว่าสามารถเบิกเงินเยียวยาได้ แต่ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยหลังน้ำลดไปก่อนและไม่ได้ถ่ายภาพความเสียหายไว้จึงไม่สามารถเบิกเงินเยียวยาไปโดยปริยาย ทำให้ครัวเรือนที่เขียนเอกสารเบิกเงินเป็นจะสามารถเบิกเงินเยียวยาได้มากกว่าครัวเรือนอื่น แม้ความเสียหายจริงของครัวเรือนที่เขียนเอกสารเป็นจะน้อยกว่าก็ตาม

ความไร้มาตรฐานยังรวมถึงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ หากโชคดีเจอเจ้าหน้าที่ไม่เคร่งเอกสาร เมื่อตรวจพบจุดที่ควรเขียนขอเบิกเงินเพิ่มเจ้าหน้าที่จะช่วยครัวเรือนขอเบิกเงินให้ครอบคลุมความเสียหายจริงมากที่สุด ส่วนเจ้าหน้าที่เคร่งเอกสารจะดูเพียงความถูกต้องของการเขียนเอกสารราชการเท่านั้น

นอกจากนี้ แม้จะลงทะเบียนรับเงินผ่านระบบออนไลน์ไปแล้ว แต่หน่วยราชการยังขอสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านหรือสัญญาเช่า ทั้งที่เอกสารเหล่านั้นอาจสูญหายไปกับน้ำท่วม ผนวกกับการที่ร้านถ่ายเอกสารหลายร้านปิดตัวลง เวลาในชีวิตของผู้ประสบภัยจึงหมดไปกับการเตรียมเอกสารและติดต่อกับหน่วยงานราชการ

ส่วนเอกสารที่ส่งเข้าระบบจะไปติดกับการตรวจสอบและการประชุมแบบรวมศูนย์ที่มากเกินจำเป็น ในกรณีเบิกเงินซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ผู้ประสบภัยบางพื้นที่ต้องรอเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาประเมินความเสียหายในท้องถิ่น เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยจึงรายงานต่อส่วนกลาง ส่วนกลางจึงอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาแก่ท้องถิ่นอีกที

กรณีเช่นนี้มาจากข้อจำกัดของเงินทดรองฯ ที่ท้องถิ่นต้องทำงบประมาณประจำปีเอาไว้ ซึ่งหลายท้องถิ่นไม่ได้เตรียมการเพื่อรองรับเหตุภัยพิบัติไว้ล่วงหน้า หากมีภัยพิบัติเกิดขึ้นต้องมีการประชุมหารือเพื่อขอเบิกเงินส่วนนี้หลายรอบ[24]สำนักงานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ, “คู่มือปฏิบัติงานการจ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณี … Continue reading

หากมีการรับรองให้จ่ายเงินทดรองฯ ต้องรอประชุมเพื่ออนุมัติจากกรมบัญชีกลางอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งกระบวนการรอเบิกเงินจากส่วนกลางเข้ากระเป๋าท้องถิ่นกินเวลานานและสัมพันธ์กับจำนวนครัวเรือนที่ขอเบิกเงินที่เพิ่มขึ้นเพราะระดับความรุนแรงของภัยพิบัติ อันสะท้อนความไม่ไว้วางใจและไม่ให้อำนาจท้องถิ่นให้เตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ

เพิ่มเงินช่วยเหลือให้สอดคล้องความเสียหายจริง กระจายอำนาจ-ใช้เทคโนโลยีช่วยให้จ่ายทันท่วงที

ในวันที่อนาคตประเทศไทยเสี่ยงเผชิญภัยพิบัติรุนแรงและถี่ขึ้น การเยียวยาผู้ประสบภัยจะกลายเป็นอีก ‘หน้าที่’ สำคัญที่รัฐไม่อาจละเลยได้ ผ่านการจัดสรรงบประมาณและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างหลักประกันให้ประชาชนกลับมาตั้งหลักชีวิตได้อีกครั้ง 101 PUB เสนอให้

  • เพิ่มอัตราเงินช่วยเหลือสูงสุด-จ่ายตามขนาดครัวเรือน:  ออกกฎหมายกำหนดมาตรการช่วยเหลือที่หลากหลาย ชัดเจน และสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง อาทิ เงินช่วยเหลือให้เปล่าอัตรารายคนและเด็ก โปรแกรมชดเชยการหยุดงานเพราะภัยพิบัติ โปรแกรมช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางพิเศษ และเพิ่มสิทธิเข้าถึงเงินเยียวยาแก่แรงงานต่างชาติ เพื่อให้เงินเยียวยาครอบคลุมความเสียหายจริง พร้อมส่งเสริมให้ผู้ประสบภัยลดภาระค่าใช้จ่ายและการกู้หนี้ในระยะยาว
  • กระจายอำนาจ-งบประมาณให้ท้องถิ่นจัดการ พร้อมเสริมขีดความสามารถ: เพื่อให้ท้องถิ่นมีความพร้อมช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย มีมาตรฐานการจ่ายเงินเยียวยาที่ชัดเจน และสามารถพัฒนาระบบการเยียวยาให้มีประสิทธิผล เพิ่มการเข้าถึง และมอบความเป็นธรรม
  • ใช้เทคโนโลยีประเมินความเสียหาย ลดขั้นตอน-ภาระพิสูจน์ของผู้ประสบภัย: ช่วยเหลือขั้นตอนวางแผนรับมือพื้นที่เขตภัยพิบัติ ตรวจสอบ และประเมินความเสียหาย อาทิ เทคโนโลยีดาวเทียม ผนวกการระบุพิกัด (Geocoding)[25]ดูข้อมูลเพิ่มเติม: “Geocoding”, Climate Mapping Services, https://www.climatemappingservices.com.au/services/geocoding-service (accessed 9 December 2025). ที่มีข้อมูลตำแหน่งและบ้านเลขที่อยู่แล้ว และโดรนสำรวจ สนับสนุนภาคเอกชนและวิชาการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการพิสูจน์และจ่ายเงินเยียวยามากขึ้น พร้อมพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเดิมให้สามารถลงทะเบียนรับสิทธิเยียวยา บอกขั้นตอน วิธีการรับสิทธิชัดเจน และรวบรวมทุกสวัสดิการสำหรับผู้ประสบภัยให้เข้าถึงง่ายที่สุด

ปฏิรูปเงินช่วยเหลือไม่พอ ต้องปรับนโยบายทั้งระบบให้พร้อมรับมือ-ลดความเสียหายจากภัยพิบัติ

การรับมือกับภัยพิบัตินั้นมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังการเกิดภัยพิบัติขึ้น บทความนี้เน้นไปที่การเยียวยาหลังการเกิดภัยพิบัติ แม้จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ทุกอย่างได้อย่างครอบคลุม ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงยังจำเป็นต้องคำนึงถึงอีกหลายประเด็น เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ อาทิ

  • ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการเตือนภัยล่วงหน้า: ปฏิรูปรัฐและหน่วยงานให้เท่าทันต่อภัยพิบัติ  พร้อมบูรณาการเทคโนโลยีในการวางแผน เตือนภัย และประชาสัมพันธ์แนวทางอพยพแก่ประชาชนล่วงหน้า เพื่อลดความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สิน
  • เตรียมพร้อมศูนย์พักพิงและ วัสดุอุปกรณ์ช่วยเหลือก่อน-หลังภัย: ลงทุนสร้างศูนย์พักพิงให้เพียงพอต่อประชากรทุกจังหวัด ออกแบบโครงสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกให้รองรับประชาชนทุกกลุ่ม อาทิ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เป็นต้น และควรมีห้องรองรับการทำกิจกรรมเพื่อบรรเทาความเครียดและส่งเสริมความรู้ขณะอยู่ในศูนย์พักพิง รวมถึงควรจัดตั้งที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้แก่ผู้ประสบภัยที่กำลังซ่อมแซมบ้านอยู่นานสูงสุด 2 ปี เพื่อลดภาระหนี้สินในการหาที่อยู่อาศัยใหม่และสามารถใช้ที่อยู่อาศัยชั่วคราวเป็นแหล่งรวมตัวช่วยจัดหางานแก่ประชาชนที่สูญเสียรายได้
  • ให้ความรู้และซักซ้อมขั้นตอนปฏิบัติเมื่อเกิดภัย กับเจ้าหน้าที่และประชาชน: ลงทุนในคนพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อให้ข้อมูลและเตรียมความพร้อมรับมือต่อภัยพิบัติอย่างสร้างสรรค์และมีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง จัดตั้งศูนย์ฝึกซ้อมรับมือภัยพิบัติแก่ประชาชนทั่วภูมิภาค สนับสนุนทุนวิจัยรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและแก้ปัญหาภัยพิบัติ นอกจากนี้ต้องจัดอบรมเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่เสมอ

ที่สำคัญ การแก้ปัญหาภัยพิบัติเหล่านี้จะต้องทำให้ปัญหาของประชาชนกลายเป็นปัญหาที่รัฐรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจและรับต้นทุนร่วมกันไปกับสังคม เมื่อนั้นจึงจะทำให้เกิดการลงทุนป้องกันและเยียวยาปัญหาได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องไปกับขนาดของปัญหา

References
1, 3 “Climate Risk Country Profile: Thailand”, World Bank Group and Asian Development Bank, 2021, 16. https://www.adb.org/publications/climate-risk-country-profile-thailand (accessed 11 November 2025).
2 Muthukumara Mani and Hector Pollitt, “Towards a Green and Resilient Thailand”, World Bank, 2024, 16. https://www.worldbank.org/th/country/thailand/publication/towards-a-green-and-resilient-thailand (accessed 10 November 2025).
4 “ADB Program Helps Boost Thailand’s Climate Resilience”, Climate Adaptation Platform, 11 November 2024, https://climateadaptationplatform.com/adb-program-helps-boost-thailand-climate-resilience/ (accessed 11 November 2025).
5 World Bank Group, “Thailand Country Climate and Development Report,” World Bank, 2025, 6. https://www.worldbank.org/en/country/thailand/publication/th-ccdr. (accessed 11 November 2025).
6 “Climate Risk Country Profile: Thailand”, World Bank Group and Asian Development Bank, 2021, 17. https://www.adb.org/publications/climate-risk-country-profile-thailand (accessed 12 November 2025).
7 ปี 2022 – 2025 มีมติคณะรัฐมนตรี เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2022 – ช่วงต้นปี 2025 งบกลาง แบบขั้นบันได ตามระยะเวลาที่น้ำท่วมขังอยู่ในช่วง 5,000 – 9,000 บาท จนมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงปลายปี 2025 กล่าวคือ มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 21 ตุลาคม 2025 เห็นชอบให้ความช่วยเหลือเหมาจ่าย 9,000 บาท โดยไม่อิงระยะเวลาที่น้ำท่วมขัง และมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 เห็นชอบให้จ่ายเงินแบบขั้นบันไดตามระยะเวลาน้ำท่วมขังอีกครั้ง ต่างเพียงมีการเพิ่มวงเงินสูงสุด 20,000 บาท สำหรับผู้ที่ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังเกิน 121 วัน แม้ครัวเรือนที่อยู่อาศัยประจำจะถูกน้ำท่วมขัง 1 วัน และทรัพย์สินเสียหาย
8 กระทรวงการคลัง, “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 (2019) และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 (2020)”.
9 “งบฯ เยียวยา ‘น้ำท่วม’ มาจากไหน ?”, The ACTIVE, 25 กันยายน 2024, https://theactive.thaipbs.or.th/data/flood-disaster (เข้าถึงเมื่อ 7 ธันวาคม 2025).
10 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, “หลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 (2021)”.
11 “ครม.เศรษฐกิจสั่งแบงก์รัฐ “พักหนี้-ไม่คิดดอกเบี้ย 1 ปี” เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้”, THAIPUBLICA , 1 ธันวาคม 2025, https://thaipublica.org/2025/12/cabinet-orders-state-banks-debt-moratorium-interest-suspension-1-year-flood-relief/ (เข้าถึงเมื่อ 7 ธันวาคม 2025).
12 “ถอดบทเรียนเยียวยาสไตล์ออสซี่-ญี่ปุ่น-มะกัน”, THAIPUBLICA, 15 ธันวาคม 2011, https://thaipublica.org/2011/12/compensation-lesson-from-us-australia-japan/ (เข้าถึงเมื่อ 7 ธันวาคม 2025).
13 Dante Motley, “FEMA, SNAP and tax relief deadlines approach for Central Texas flood victims”, Austin American-Statesman, 7 August 2025, https://www.statesman.com/news/local/article/texas-flood-relief-deadlines-fema-snap-taxes-21016726.php (accessed 1 December 2025).
14 “Individuals and Households Program”, FEMA, 1 November 2024, https://www.fema.gov/assistance/individual/program (accessed 7 December 2025).
15 The Congressional Research Service (CRS), “Disaster Unemployment Assistance (DUA)”, CONGRESS.GOV, 1 April 2025, https://www.congress.gov/crs-product/RS22022 (accessed 7 December 2025).
16 ปุณรัศมิ์ ซือ, “เงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมฮัวเหลียน สูงสุด 350,000 เหรียญไต้หวัน เปิดให้ยื่นผ่านแพลตฟอร์มกลาง 7 ต.ค.นี้”, Rti, 7 ตุลาคม 2025, https://www.rti.org.tw/th/news?uid=3&pid=168478 (เข้าถึงเมื่อ 7 ธันวาคม 2025).
17 “Average income rises 2.5 percent, hits record high”, TAIPEI TIMES, 18 August 2025, https://news.ltn.com.tw/news/focus/breakingnews/5147181 (accessed 7 December 2025).
18 “Expanding the rent subsidy program”, Executive Yuan, 23 August 2024, https://english.ey.gov.tw/News3/9E5540D592A5FECD/481b6fcc-f658-43b0-ae72-b26946e96285#:~:text=To%20cater%20to%20the%20housing,%E2%96%A0 (accessed 7 December 2025).
19 “Resilient Homes Fund”, DELIVERING FOR QUEENSLAND; Queensland Government, https://www.qld.gov.au/housing/buying-owning-home/homeowners-financial-help/resilience-to-floods-and-cyclones/resilient-homes-fund (accessed 7 December 2025).
20 “Guides to Social Policy Law: Social Security Guide Version 1.333 – Released 3 November 2025; 1.2.6.20 Australian Government Disaster Recovery Payment (AGDRP) – description”, Australia Government, 12 May 2025,
https://guides.dss.gov.au/social-security-guide/1/2/6/20 (accessed 7 December 2025).
21 สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจาก myGov, https://my.gov.au/ (accessed 7 December 2025).
22 “Essential household contents grant”, DELIVERING FOR QUEENSLAND; Queensland Government, 11 December 2025, https://www.qld.gov.au/community/disasters-emergencies/disasters/money-finance/types-grants/essential-household-contents (accessed 11 December 2025).
23 ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ครัวเรือนประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือปี 2024 โดย 101 PUB วันที่ 2 ตุลาคม 2025
24 สำนักงานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ, “คู่มือปฏิบัติงานการจ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณี ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 (2019)”.
25 ดูข้อมูลเพิ่มเติม: “Geocoding”, Climate Mapping Services, https://www.climatemappingservices.com.au/services/geocoding-service (accessed 9 December 2025).

อินโฟกราฟฟิก

บทความที่เกี่ยวข้อง

The Resources: รื้อระบบเยียวยาน้ำท่วม รับมือภูมิอากาศโลกผันผวน

ชวนสำรวจการจัดการของภาครัฐหลังน้ำท่วม โดยเฉพาะเงินเยียวยาที่อาจไม่ตอบโจทย์กับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง

Policy What! EP.22: ไทยจะรับมือน้ำท่วมยังไงใน ‘โลกเดือด’

ไทยขึ้นแท่นเสี่ยงน้ำท่วมเป็นอันดับ 4 ของโลก อุทกภัยในแต่ละปีกระทบเศรษฐกิจเฉลี่ย 9 หมื่นล้านบาท ยุทธศาสตร์และระบบบริหารจัดการน้ำของไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร จะตอบโจทย์การรับมือภัยน้ำในยุค ‘โลกเดือด’ ได้แค่ไหน ติดตามรับฟังในรายการ Policy What!

งบบริหารจัดการน้ำ: จัดสรรกันอย่างไร จะแก้น้ำท่วม/แล้งได้ไหม?

ไทยจัดสรรงบประมาณสำหรับบริหารจัดการน้ำกว่าหนึ่งแสนล้านบาทต่อปี ทว่าเมื่อเข้าฤดูฝนครั้งใดก็ปรากฎว่ายังคงเกิดอุทกภัยบ่อยครั้ง ชวนให้ตั้งคำถามว่าขณะที่น้ำไหลอยู่ที่นั่น งบประมาณไหลไปที่ไหน?

101 Public Policy Think Tank
ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง

ศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะไทยในบริบทโลกใหม่ สร้างสรรค์ความรู้ด้านนโยบายสาธารณะที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มพลังให้ประชาชนสามารถตัดสินใจอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และสังคม

Copyright © 2025 101pub.org | All rights reserved.