
บทคัดย่อ
กฎหมายคุ้มครองแรงงานปัจจุบันถูกออกแบบบนฐานของสังคมอุตสาหกรรม มีเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถการผลิตและปกป้องเด็กจากการทำงานหนักก่อนวัย แต่ในยุคปัจจุบันที่สังคมเผชิญความท้าทายใหม่ เช่น ปัญหาโครงสร้างประชากรและครัวเรือนเปราะบาง ระบบคุ้มครองแรงงานจึงต้องรองรับสวัสดิการเลี้ยงดูบุตรที่มากขึ้นและยืดหยุ่น รวมถึงสนับสนุนสถานประกอบการในแนวทางสอดคล้องกับนโยบายระดับโลก
งานแห่งอนาคตเปิดโอกาสให้เด็กทำงานด้านสร้างสรรค์ เช่น วรรณกรรม กราฟิก และคอนเทนต์ออนไลน์ที่พัฒนาทักษะและเพิ่มรายได้ควบคู่กับการศึกษา จึงต้องปรับระบบคุ้มครองอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมตามบริบทใหม่ของสังคมและโลก
รัฐไทยมีหน้าที่คุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างประเทศ แต่กลไกทางกฎหมายที่มีไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยีและกระแสโลกาภิวัตน์เสรีนิยมใหม่ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลคือแรงงานในระบบจ้างงานอิสระและนอกระบบขาดหลักประกันและความมั่นคงทางสังคม
นอกจากนี้ บทนิยาม และกรอบกฎหมายแรงงานเด็กที่ต่างกันยังสร้างความยุ่งยากในการวิเคราะห์และคุ้มครองกลุ่มเด็กทำงาน เช่น แรงงานในภาคการผลิตห่างไกล เด็กช่วยงานพ่อแม่ในภาคเกษตรและประมง เด็กฝึกงานที่ไม่ได้รับสิทธิแรงงาน และแรงงานนอกระบบที่ทำงานที่บ้าน รายงานนี้จึงเน้นภาพรวมความเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานและลักษณะการทำงานในบริบทใหม่
กลุ่มเสี่ยงที่โดดเด่นที่สุดคือเด็กที่ทำงานรับจ้างอิสระหรืออยู่ในครอบครัวที่ระบบจ้างงานยืดหยุ่นซึ่งอยู่นอกระบบกฎหมายแรงงาน ไม่มีสถานประกอบการชัดเจน และขาดหลักประกันในหลายมิติ องค์การแรงงานสากลและสหภาพยุโรประบุว่ากลุ่มนี้เป็นเปราะบางมาก จำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิอย่างเข้มแข็ง
ดังนั้น การสร้างหลักประกันสิทธิแรงงานเด็กของรัฐไทยเพื่อแก้ไขความเหลื่อมล้ำและรับมือความท้าทายในศตวรรษที่ 21 ต้องเริ่มจากการปรับปรุงกรอบกฎหมายให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและรูปแบบการทำงานใหม่อย่างเหมาะสมและครอบคลุมมากขึ้นทั้งในด้านความปลอดภัย สิทธิผลตอบแทน และการรวมกลุ่มต่อรองสิทธิ